พ่อแม่ยุคใหม่รู้ทันโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก

Read Time:3 Minute, 21 Second

พ.อ.หญิง พญ.ปาจรีย์ ฑิตธิวงษ์สภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงมลพิษที่มากขึ้นและใกล้ตัวเราทุกขณะ ร่างกายของเราต้องปรับตัวกับโลกและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงโรคภัยไข้เจ็บที่มีมากขึ้นและทวีความรุนแรง โดยเฉพาะโรคยอดฮิตของคนเมืองกรุงอย่าง “โรคภูมิแพ้” ที่เชื่อได้เลยว่าหลายท่านหรือคนใกล้ชิดอาจจะกำลังประสบปัญหากับอาการภูมิแพ้ต่างๆอยู่เป็นแน่ วันนี้เราจะมารู้จักโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่พบมากขึ้นในสังคมเมืองในปัจจุบัน

Pic1นอกจากคนวัยทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการป่วยด้วยอาการภูมิแพ้แล้ว ในเด็กก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังสำหรับกลุ่มโรคภูมิแพ้ ที่ปรากฏในเด็กค่อนข้างมากนั่นก็คือ “โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง” ซึ่งมักเริ่มแสดงอาการทางผิวหนังที่สามารถเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่วัยทารก โรคนี้สามารถพบได้ในเด็กตั้งแต่วัยทารกก่อนครบขวบปีไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยพบมากที่สุดในเด็กตั้งแต่อายุ 3 เดือนถึงอายุ 5 ขวบ ซึ่งสาเหตุหนึ่งสัมพันธ์กับการถ่ายทอดพันธุกรรมภูมิแพ้มาจากพ่อแม่ และผิวหนังขาดสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ทำให้มีผิวแห้งร่วมกับอาการผิวหนังแดงอักเสบเป็นขุย ผิวหนังไม่เรียบมีความไวต่อสารก่อภูมิแพ้และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง  สำหรับอาการของโรคที่จะเห็นได้ชัดเจนนั่นคืออาการผิวหนังแห้งคัน แดงอักเสบเรื้อรัง เป็นๆหาย ๆ ในทารกและเด็กเล็กจะมีอาการค่อนข้างมาก ทั้งคันมาก ผิวแห้งเป็นขุยสาก มักพบผื่นแดงที่บริเวณใบหน้าโดยเฉพาะ 2 ข้างแก้ม ที่ลำตัว แขน ขาและในบางรายอาจมีปัญหาในการนอนหลับเพราะคันมาก โดยอาหารมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นสาเหตุค่อนข้างน้อย

Pic3ส่วนในเด็กโตมักจะพบผื่นในบริเวณข้อพับต่าง ๆ ของแขนขา และยังคงมีอาการคันมาก ร่วมกับผิวแห้ง อาจจะพบอาการของโรคได้บริเวณผิวหนังรอบดวงตา รอบคอ รอบปาก หรือหลังใบหู มีความเป็นไปได้ที่อาการของโรคจะต่อเนื่องจนถึงวัยผู้ใหญ่ หากต่อเนื่องถึงวัยผู้ใหญ่แล้วจะยังคงมีอาการผิวแห้งเป็นขุย พร้อมอาการผิวหนังแดงอักเสบเป็น ๆ หาย ๆ และอาจจะส่งผลให้เกิดการแพ้สารสัมผัสต่าง ๆ ได้ด้วยเช่น แพ้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม อาทิ  ครีมทาผิว น้ำหอม โดยในผู้ป่วยบางรายอาจเริ่มมีอาการภูมิแพ้ในระบบอื่น ๆ ตามมา เช่น หอบหืด ภูมิแพ้เยื่อบุจมูก ภูมิแพ้เยื่อบุตา มืออักเสบเป็นต้น

หลักการรักษาอาการของโรคนี้ สิ่งสำคัญต้องดูแลผิวหนังให้ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาด้วยการทาสารให้ความชุ่มชื้นหลังอาบน้ำทันที และทาต่อเนื่องทุกวันโดยแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองต่อผิวไม่มีสี ไม่มีน้ำหอมผสมและไม่ใส่สารกันบูดที่ระคายเคืองต่อผิวหนัง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง เป็นเกราะป้องกันผิวหนังต่อสารสัมผัสที่เป็นสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรค ตลอดจนเรียนรู้การอาบน้ำที่ถูกวิธีต้อง ไม่อาบน้ำร้อนมากหรือนานจนเกินไปไม่อาบน้ำเกินวันละ 2 ครั้งและใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยนต่อผิว งดใช้สบู่ก้อนที่มีค่าความเป็นด่างสูงและควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับการใช้ยาทาสเตียรอยด์ให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละรายเพื่อลดอาการแดงอักเสบของผิวหนัง

ในปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังและยังมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของผิวหนังได้ระดับหนึ่งที่ค่อนข้างปลอดภัย โดยถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการใช้สารให้ความชุ่มชื้นที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบที่ผิวหนังทำให้ผิวหนังของผู้ป่วยมีความแข็งแรงมากขึ้น ผิวที่ชุมชื้นจะช่วยให้ผื่นสงบเร็วและยาวนานขึ้นอีกด้วยถือเป็นทางเลือกการรักษาร่วมกับการใช้ยาทาสเตียรอยด์ตามแพทย์สั่ง  การใช้ผลิตภัฑณ์ต่างๆและยาทาสเตียรอยด์ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้คำแนะนำ จะเห็นได้ว่าโรคภัยนั้นคืบคลานมาใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกขณะ การป้องกันโรคเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ในบางกรณีก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดโรคได้ การรักษาและดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องตามหลักวิชาการแพทย์ ทำให้สามารถหายหรือทุเลาจากอาการเจ็บป่วยที่ต้องเผชิญได้ในที่สุด

 

Previous post สลายไขมันส่วนเกิน ได้ด้วยความเย็น จริงหรือ
Next post เรื่องนมๆ ทางรอดจาก “มะเร็งเต้านม”
Social profiles