ฟิล์มกรองแสง

Read Time:5 Minute, 36 Second

ส่วนใหญ่แล้วในปัจจุบัน รถยนต์ป้ายแดงที่ถอยออกจากโชว์รูม รวมถึงรถมือสองของเก่า มักจะมีการติดฟิล์มกรองแสงมาให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้คุณภาพของฟิล์มกรองแสงที่เป็นหนึ่งในของแถมที่มักจะมีกันทุกโชว์รูมนั้น อาจจะไม่ถึงกับคุณภาพดีเลิศ หรือ แย่จนเกินไป อายุการใช้งานส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ 5-7 ปี แล้วแต่ยี่ห้อและฟิล์มกรองแสงที่นำเข้ามา ซึ่งมีไม่น้อยครับที่ฟิล์มกรองแสงที่ได้รับการติดตั้งนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นฟิล์มที่นำเข้ามาจากไต้หวัน  ฟิล์มกรองแสงที่ดีนั้น ควรมีคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้
Clip_31. การป้องกันแสงอัลตราไวโอเลต ที่เรามักจะคุ้นเคยกับคำว่าแสงรังสียูวี UV ซึ่งแสงตัวนี้เป็นบ่อเกิดแห่งโรคมะเร็งผิวหนังได้ รวมทั้งฝ้า กระ และการเสื่อมของอุปกรณ์ภายในรถ อย่างไรก็ตามรังสียูวีนี้ ฟิล์มส่วนใหญ่จะป้องกันได้มากกว่า 90% ดังนั้นแล้วเมื่อท่านตัดสินใจที่ซื้อรถใหม่ป้ายแดงแล้ว ได้รับของแถมติดฟิล์มกรองแสงฟรี ควรถามทางผู้ขายว่า มีเปอร์เซ็นต์ของการป้องกันแสงนี้เท่าไหร่
2. ป้องกันรังสีอินฟราเรด (Infrared IF) ส่วนใหญ่หลายท่านอาจไม่คุ้นเคยกับรังสีตัวนี้ ซึ่งเป็นรังสีของความร้อน โดยทั่วไปแล้วจะบอกเป็นเปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกัน และใช้ในการทดสอบในห้องทดสอบ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นตัวบ่งบอกถึงค่าการลดความร้อนที่แท้จริงได้
3. ความสามารถในการให้แสงส่องผ่าน (Visible Light Transmission –VLT) ตัวนี้ก็มีค่าบอกเป็นเปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกัน ซึ่งตรงนี้ว่ากันจริงๆ แล้ว เกี่ยวข้องกับเรื่องของกฎหมายโดยตรง แต่ปัจจุบันแล้วมีการอนุโลมหรือไม่เข้มงวดกวดขันกันเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอนว่าท่านอาจจะยังคงใช้ฟิล์มที่ดำมืดทึบสนิทเลย ตำรวจอาจจะมองผ่านๆ ไป หรือเรียกตรวจก็ได้ ซึ่งในฟิล์มแต่ละรุ่นจะบอกค่าการส่องผ่านของแสงไว้เพื่อให้ลูกค้าเลือก ซึ่งทำความเข้าใจได้ง่ายกว่าในอดีต โดยหากมีค่าการส่องผ่านได้มาก ฟิล์มนั้นก็จะดูใส และในทางกลับกัน ถ้ามีค่าส่องผ่านได้น้อย ฟิล์มนั้นก็จะดูเข้ม ซึ่งผู้ขายฟิล์มในบ้านเราก็จะเรียกกันเป็นเปอร์เซ็นต์ อย่างที่เรียกกันมานานแล้วว่า ฟิล์มนั้น 40% , 60% อย่างนี้เป็นต้น
4. ความสามารถในการลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ (Total Solar Energy Rejection) อันนี้ก็มีค่าบอกเป็นเปอร์เซ็นต์เช่นกัน ซึ่งตัวนี้แหละครับที่ท่านควรถามผู้ติดตั้งว่า หากท่านต้องการลดความร้อนจากแสงแดดนั้น ควรติดตั้งฟิล์มประเภทไหน และควรเป็นฟิล์มที่ไม่ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเปลี่ยนไปมาก ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยที่ฟิล์มที่มีค่าลดความร้อนที่สูง ก็จะสามารถลดความร้อนจากแสงแดดได้มาก ซึ่งจะต่างจากรังสีอินฟราเรดที่อาจทำให้ผู้ใช้รถเกิดการสับสนได้ และก็ไม่จำเป็นว่า ฟิล์มที่ให้แสงส่องได้น้อยนั้น จะป้องกันความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มที่ให้แสงส่องผ่านได้มาก
สำหรับในเรื่องของฟิล์มกรองแสงนั้น เรามาพูดคุยกันถึงเรื่องที่ว่า เมื่อติดฟิล์มกรองแสงแล้ว ได้อะไรกันดีกว่าครับ
1. อย่างแรกเลยนั้น ช่วยลดความร้อนจากแสงแดด เพราะบ้านเรานั้นเป็นประเทศเมืองร้อน ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร แน่นอนว่าสภาพภูมิอากาศโดยรวมต้องสูงเป็นธรรมดา สำหรับผู้ที่ต้องขับรถเป็นระยะทางไกลๆ จะมีโอกาสได้รับความร้อนจากแสงแดดมากกว่าปรกติ ส่งผลกระทบต่อผิวหนัง รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่ภายในรถจะมีโอกาสเสื่อมสภาพได้เร็ว
2. ช่วยลดแสงที่จ้า โดยเฉพาะในภาวะที่มีแสงแดดจัด แม้กระทั่งในตอนเช้าที่มีแสงส่องเข้าตาเป็นประจำ ซึ่งแสงแดดนับเป็นปัญหาสำหรับผู้ขับขี่รถทุกคน เนื่องจากการมองผ่านไปยังถนนข้างหน้าที่มีแสงแดดจัด จะเป็นสาเหตุให้ลูกนัยต์ตาเกิดความเครียด เมื่อยล้า สายตาเสีย และอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
3. การป้องกันแสงรังสีอุลตราไวโอเลต UV ที่มาจากแสงแดด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวหนังเป็นฝ้า ตกกระ และยังเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็วผิวหนังได้
4. ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ หรือระบบแอร์ภายในรถยนต์ได้ เนื่องจากฟิล์มกรองแสงช่วยลดความร้อนที่เกิดขึ้นภายในรถ ทำให้ลดการทำงานของระบบแอร์ ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ไม่ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป
5. ช่วยลดอันตรายจากการแตกกระจายของกระจกรถยนต์ ในเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ แม้ว่ารถยนต์สมัยใหม่จะมีการติดตั้งกระจกนิรภัยแล้วก็ตาม แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นกระจกด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนกระจกด้านข้างจะเป็นกระจกแบบธรรมดา ดังนั้นฟิล์มกรองแสงจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้รถได้มากขึ้น
ติดตั้งฟิล์มกรองแสงอย่างไร
ฟิล์มรถ1. เลือกฟิล์มประเภทที่เราต้องการ โดยการสอบถามข้อมูลต่างๆ ให้ถ่องแท้เสียก่อนที่จะติดตั้ง เพื่อที่เราจะได้ฟิล์มที่ตรงกับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นค่าต่างๆ ที่กล่าวไว้
2. เลือกผู้ที่จะติดตั้ง โดยดูว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด หรือมีมาตรฐานมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้อาจได้รับคำแนะนำจากผู้ที่เคยติดตั้งมาก่อน หรืออาจตรวจสอบจากเว็ปไซต์ต่างๆ ได้
3. ไม่ควรติดตั้งฟิล์มที่มีค่าสะท้อนแสงมาก(ฟิล์มฉาบปรอท) เพราะผิดกฎหมาย และไม่เป็นผลดีกับผู้ร่วมใช้ถนนท่านอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
4. ดูเรื่องราคาที่เหมาะสม ท่านต้องจำไว้ว่า ของดีราคาถูกนั้นค่อนข้างหายาก และไม่สามารถตรวจสอบได้ บางครั้งฟิล์มราคาแพงบางทีอาจมีคุณภาพที่ใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับฟิล์มราคาปานกลางก็เป็นได้ อยู่ที่ท่านสอบถามหรือหาข้อมูล
5. การติดตั้งฟิล์มกับตัวรถ ขอให้ท่านตรวจสอบการติดตั้งว่า มีความละเอียดในการติดตั้งหรือไม่ ดูช่องไฟของฟิล์มที่ร้านตัดว่า ช่องไฟนั้นมีความประณีตมากน้อยเพียงใด บางครั้งเจอช่างฝึกหัด ที่เพิ่งหัดตัดฟิล์มก็อาจจะตัดเฉไปมาไม่ตรง และบางจุดทำให้แสงเข้าได้ ซึ่งตรงนี้ หากท่านพบควรรีบแจ้งให้เค้าแก้ไข หรือบางกรณีที่ฟิล์มเป็นฟองอากาศ หลังทิ้งไว้แล้วเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่หายก็ควรให้เขาแก้ไข แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเมื่อมีการแก้ไขแล้หายดีหรือไม่ ซึ่งบางครั้งต้องเปลี่ยนฟิล์มกันทั้งบานใหม่เลยก็มี ดังนั้นแล้วเมื่อท่านเสียเงินแล้วอย่าไปเกรงใจ ถ้าหากมีข้อผิดพลาดที่ท่านรับไม่ได้

ทริป  ธรรมดาแล้ว รถยนต์ที่เพิ่งผ่านการติดฟิล์มกรองแสงมาใหม่ๆ จะมีสติ๊กเกอร์คาดไว้ที่บริเวณสวิทช์ปรับเลื่อนกระจก ซึ่งจะห้ามให้ท่านเลื่อนกระจกเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ทั้งนี้เป็นเพราะกาวของฟิล์มอาจจะยังไม่แห้งสนิท และบางครั้งอาจไปสะดุดเอากับสิ่งกีดขวางทำให้ฟิล์มเป็นรอยได้

Previous post ตรวจสภาพรถช่วงหน้าฝน
Next post การบำรุงดูแลรักษา รถระบบแก๊ส
Social profiles