ศิริราชห่วงใย ให้ความรู้คนไทยเกี่ยวกับโรคลมพิษ

Read Time:3 Minute, 12 Second

เนื่องในวันโรคลมพิษโลก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีการรณรงค์เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยในปีนี้โรงพยาบาลศิริราชได้จัดกิจกรรม “ศิริราชห่วงใย ชวนใส่ใจ โรคลมพิษ” ซึ่งมีทั้งการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับโรคลมพิษและยา รวมถึงการทดสอบต่าง ๆ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้ตระหนักถึงความสำคัญของโรคลมพิษ พร้อมส่งเสริมให้คนไทยหันมาให้ความสนใจกับโรคลมพิษ  ที่แม้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแต่นับเป็นเรื่องใกล้ตัวที่มีผลเสียต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยได้ โดยภายในงานได้มีกลุ่มผู้ป่วย บุคคลทั่วไป และบุคลากรทางแพทย์เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 120 คน

ศ.พญ.กนกวลัยศ.พญ.กนกวลัย กุลทนันทน์ หัวหน้าภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า โรคลมพิษ (Urticaria) เป็นโรคที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นผื่นหรือปื้นนูนแดง (wheals) ไม่มีขุย มีขนาดต่าง ๆ ได้ตั้งแต่เล็กถึงใหญ่  มีอาการคัน เกิดขึ้นเร็วและกระจายได้ทั่วตัว  แต่ละผื่นมักจะคงอยู่ไม่นาน โดยมากมักไม่เกิน 24 ชั่วโมง  ผื่นนั้นก็จะราบไปโดยไม่มีร่องรอย แต่ก็อาจมีผื่นใหม่ขึ้นที่อื่น ๆ ได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีริมฝีปากบวม  ตาบวม (Angioedema) ในบางรายอาจมีอาการปวดท้อง แน่นจมูก คอ หายใจไม่สะดวก รายที่เป็นรุนแรงอาจมีอาการหอบหืด เป็นลมจากความดันโลหิตต่ำได้  แต่ผู้ป่วยกลุ่มที่เป็นรุนแรงนี้ มีเพียงจำนวนน้อย

โรคลมพิษ_02โรคลมพิษแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือโรคลมพิษ_01

  • โรคลมพิษเฉียบพลัน คือ ผื่นลมพิษเป็นมาไม่เกิน 6 สัปดาห์
  • โรคลมพิษเรื้อรังคือมีอาการเป็นๆ หายๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/สัปดาห์ แต่มีอาการอย่างต่อเนื่องนานถึง 6 สัปดาห์ขึ้นไป

จากข้อมูลทางสถิติของผู้ป่วยโรคลมพิษเรื้อรังในประเทศไทย ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวที่คลินิกโรคลมพิษ ภาควิชาตจวิทยา โรงพยาบาลศิริราช พบว่า ในกลุ่มของผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยโรคลมพิษเรื้อรัง ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 35 ปี ซึ่งตลอดช่วงชีวิตของคนทั่วไปจะมีโอกาสเกิดโรคลมพิษเรื้อรัง ได้ประมาณร้อยละ 0.5-1

ศิริราช2โรคลมพิษเรื้อรัง มักจะส่งผลให้ผู้ป่วยเป็นกังวลที่ต้องคอยระวังการดำเนินชีวิตตลอดเวลา การรักษานอกจากยาแล้ว การหลีกเลี่ยงจากภาวะบางอย่างที่อาจกระตุ้นให้ผื่นที่มีอยู่มีอาการมากขึ้น จึงอาจเป็นวิธีการช่วยเบื้องต้นที่ดี ตัวอย่างเช่น

  1. อาหาร ผู้ป่วยที่มีผื่นลมพิษเรื้อรังบางราย อาจมีอาการลมพิษเห่อขึ้นเมื่อรับประทานอาหารบางชนิด
  2. ยา ยาบางชนิดเช่น ยาต้านอักเสบ (NSAIDs) แอสไพริน อาจทำให้ผื่นลมพิษเห่อขึ้นได้ ประมาณร้อยละ 20-30 ของผู้ป่วยโรคลมพิษเรื้อรังในช่วงที่โรคกำลังเป็นมาก
  3. ตัวกระตุ้นทางกายภาพ เช่น การกดรัดของเสื้อผ้าที่เป็นผ้ายืดหรือเข็มขัด ก็อาจผื่นลมพิษเห่อขึ้นได้ในผู้ป่วยบางราย
  4. แอลกฮอลล์ เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์สามารถกระตุ้นให้ผื่นลมพิษเห่อได้ เนื่องจากแอลกอฮอลล์จะทำให้หลอดเลือดมีการขยายตัวขึ้น
  5. การติดเชื้อไวรัส อาจทำให้ผื่นลมพิษเห่อขึ้นได้ในผู้ป่วยบางราย
  6. ความเครียด อาจทำให้ผื่นลมพิษเห่อขึ้นได้ในผู้ป่วยบางราย ขณะเดียวกันโรคลมพิษเองก็ทำให้ผู้ป่วยมีความเครียดด้วยเช่นกัน

“สำหรับแนวทางการรักษาโรคลมพิษเรื้อรัง ในกรณีที่สามารถสืบค้นจนทราบสาเหตุและแก้ไขสาเหตุได้ เมื่อรับประทานยาต้านฮิสตามีนไปแล้วผื่นลมพิษมักหายได้เร็ว แต่หากหาสาเหตุไม่พบหรือเป็นสาเหตุที่แก้ไขไม่ได้โดยง่าย แพทย์จำเป็นต้องให้ยาตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไปเพื่อควบคุมอาการผื่นลมพิษให้ได้และเมื่อควบคุมอาการได้แล้วจึงค่อย ๆ ลดยาลง เพื่อควบคุมโรคในระยะยาว จนถึงพยายามหยุดยา ทั้งนี้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเรื้อรังนานเป็นปี ซึ่งในปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษาที่มากขึ้นทั้งยารับประทานและยาฉีด เพื่อช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้”

 

 

Previous post ชมรมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแห่งประเทศไทย สร้างสรรค์กิจกรรมรับมือมะเร็งเต้านมอย่างเป็นสุข
Next post อัคริณ โฮเทล กรุ้ป เดินหน้าประกาศ เปิดตัวโรงแรมใหม่ 3 แห่งทั้งในไทยและลาว
Social profiles