ฟ้าชัย วิศวกรรม ร่วมกับสถานธรรมปลีกวิเวก จ.เชียงใหม่ ได้รับยกย่องให้เป็นชุมชนต้นแบบ

Read Time:5 Minute, 32 Second

30พระอาจารย์คมสัน สิริปุญโญ ผู้ริเริ่มก่อตั้งสถานธรรมปลีกวิเวก อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของสถานธรรมปลีกวิเวกนั้น เกิดจากความตั้งใจที่จะก่อสร้างขึ้น สำหรับพระอาจารย์ปฏิบัติเอง ทั้งนี้เห็นว่าสถานที่ดังกล่าวนั้นห่างไกล รวมถึงมีความสงบ จึงตั้งชื่อว่า ‘ปลีกวิเวก’ หลังจากนั้นมีลูกศิษย์จากต่างถิ่นเข้ามาขอเที่ยวชมสถานที่ และมองว่าเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม จึงได้บริจาคทรัพย์เพื่อพัฒนาสถานที่ก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม เพื่อใช้ทำกิจกรรมไหว้พระ สวดมนต์ เป็นต้น

109หลังจากนั้นจึงได้พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 กลายเป็นศูนย์เรียนรู้แห่งการพอเพียง และเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ด้วย นอกจากนี้ยังกลายเป็นสถานที่เข้าค่ายของโรงเรียนต่าง ๆ ในอ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ จะมีการจัดพระอาจารย์มาฝึกอบรมเป็นวิทยากรให้ ขณะนี้นับเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่สถานธรรมปลีกวิเวกก่อตั้งขึ้นมา

“สถานธรรมปลีกวิเวกนอกจากจะให้พระ เณร มาปฏิบัติธรรมและทำกิจกรรมแล้ว บริเวณโดยรอบสถานธรรม ก็มีชาวบ้านย้ายเข้ามาอยู่อาศัยด้วย จากเดิมที่เป็นพื้นที่ว่างเปล่า รวมถึงยังไม่มีระบบสาธารณูปโภคใด ๆ เลย แต่ปัจจุบันได้พัฒนาจากพื้นที่รกร้างมาเป็นพื้นที่ที่มีครบทั้งน้ำประปา ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และถนนที่ใช้ในการเดินทางสัญจร  จากจิตศรัทธาของญาติโยมที่ต้องการทำบุญ” พระอาจารย์คมสัน กล่าว

113112ด้านพระอาจารย์ ดร.ฐาณี จิตวิริโย ผู้ร่วมริเริ่มและพัฒนาสถานธรรมปลีกวิเวก อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับหลักและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่นำมาประยุกต์ใช้กับสถานธรรมปลีกวิเวกมีอยู่ 2 ส่วน คือ  หลักคิดและหลักปฏิบัติ หมายถึง หลักคิดที่กำหนดขึ้นคือ ทางโลกไม่ให้ช้ำ ทางธรรมไม่ใช้เสีย และนำแนวทางทั้ง 2 มาปฏิบัติให้เกิดผล คือการมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และความรู้จักประมาณตน เป็นแนวคิดที่สอนให้ทางพระสงฆ์ สามเณร เยาวชน รวมถึงชาวบ้านที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ได้ปฏิบัติตามด้วย

ส่วนกิจกรรมที่จัดขึ้นภายในสถานธรรมปลีกวิเวก ประกอบด้วย 1.ค่ายคุณธรรม โดยยึดแนวทางคนสร้างค่าย  ค่ายสร้างคน เดินตามรอยพ่อ พ.ศ.พอเพียง 2.กว่าจะมาเป็นข้าวก้นบาตร มีหลักคิดว่า ปลูกทุกอย่างที่ฉัน ฉันทุกอย่างที่ปลูก  3.โรงเรียนผู้สูงอายุ สำหรับบุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไป มาเรียนทุกวันพฤหัสบดี โดยวิชาที่เรียนจะครอบคลุมถึงวิชาศีลธรรม ภูมิปัญญาพื้นบ้าน รวมไปถึงการดูแลเรื่องสุขอนามัยของผู้สูงอายุ ภายใต้คอนเซ็ปต์ สูงวัยสุขใจอย่างล้น และ 4.กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชาวต่างชาติ ซึ่งได้มีการบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างนักเรียนจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมกับชาวต่างชาติ โดยแต่ละปีจะมีนักเรียนมาแลกเปลี่ยนจำนวน 6 คณะ คณะละ 25-30 คน นอกจากนี้ยังเป็นฐานเรียนรู้ให้พระสงฆ์จากประเทศภูฏาน เมียนมาร์ เวียดนาม และกัมพูชา มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน หรือเรียกว่าเป็น ‘ธนาคารแห่งความรู้’

“ทั้งนี้มองว่ากิจกรรมต่าง ๆ มีประโยชน์ต่อทั้งตัวบุคคลเอง รวมถึงชุมชนโดยรอบด้วย ซึ่งหลักที่นำมาประยุกต์ใช้กับชุมชนและบุคคลต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ เบื้องต้น นำหลักธรรมมาพัฒนาคนก่อน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ชาวบ้าน ครูอาจารย์ ปัจจุบันทางอ.เวียงแหงเองได้เข้ามาใช้สถานที่ป็นศูนย์เรียนรู้ด้วย ถัดไป เป็นการกระจายข่าวสารการเรียนรู้ผ่านทางเครือข่ายต่าง ๆ เช่น จัดโครงการธรรมะสัญจรไปยังโรงเรียนต่าง ๆ แล้วก็นำมาผลิตสื่อ เพื่อเผยแพร่ให้บุคคลภายนอกได้รับรู้ด้วย และสุดท้าย การพัฒนาคน หมายถึงสามเณรที่อยู่สถานธรรมได้มีการฝึกเทศ ฝึกอบรม ฝึกจัดค่าย” พระอาจารย์ ดร.ฐานีกล่าว

232102พระอาจารย์ ดร.ฐานี กล่าวเสริมว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สถานธรรมปลีกวิเวก ได้รับรางวัลโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP ซึ่งคัดเลือกจาก 730 โครงการทั่วโลก เหลือเพียง 25 โครงการ เพื่อไปนำเสนองานที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย และรอบสุดท้ายคัดเหลือเพียง 5 ทีม และสามารถติด 1 ใน 5 โครงการที่ได้รับรางวัล โดยตัวชี้วัดที่ทำให้ได้รับคัดเลือก คือ สอนให้คนรู้จักพึ่งพาตนเอง การพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทำให้คนอยู่ร่วมกันอย่างสันติภาพ  พร้อมกันนี้ยังได้รับรางวัลพิเศษ ‘เป้าหมายการพัฒนาศตวรรษใหม่ หรือ Millennium Development Goals’ ถือเป็นทีมแรกและทีมเดียวที่ได้รับรางวัลนี้

108“รางวัลนี้เป็นเครื่องการรันตีอย่างหนึ่งที่ทำให้สถานธรรมปลีกวิเวกของเราสามารถเป็นศูนย์เรียนรู้ของการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ส่วนด้านการนำพลังงานทดแทนมาใช้นั้น เราได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ฟ้าชัย วิศวกรรม จำกัด ให้บริการผลิตภัณฑ์ด้านระบบ Solar Energy ชั้นนำของโลก ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ได้ดำเนินการติดตั้งโซล่าเซลล์ ซึ่งจะมีคุณภาพและประสิทธิภาพของระบบสามารถรองรับการใช้งานได้ยาวนานไม่น้อยกว่า 25 ปี เพื่อให้สถานธรรมปลีกวิเวกสามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใช้ได้เองตลอดจนกระจายไฟฟ้าที่ได้ไปยังชุมชนใกล้เคียงด้วยเช่นกัน ซึ่งการใช้พลังงานแสงอาทิตย์นั้นสามารถช่วยลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย รวมถึงเป็นการถ่ายทอดหลักการเรียนรู้ให้กับเยาชน คนที่เข้ามาศึกษาดูงาน ได้ตระหนักถึงเรื่องพลังงานสะอาด ที่สามารถผลิตได้เอง ทั้งนี้พระอาจารย์มีแนวคิดว่านอกจากปัจจัย 4 คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคแล้ว เรื่องพลังงานจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิต และต่อไปในอนาคตจะกลายเป็น Green Energy หรือพลังงานสะอาด รวมถึงเป็นพลังงานทางเลือก ซึ่งทางสถานธรรมของเราได้ทำเรื่องนี้มาโดยมาตลอด”

สุดท้ายแผนในอนาคต พระอาจารย์มีแนวคิดอยู่ว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด และสิ่งที่สำคัญคือการต้อนรับกัลยาณมิตรทั้งหลายที่เข้ามาศึกษาและเรียนรู้ในสถานธรรมของเราอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ต้องกระจายแนวคิดต่าง ๆ ไปยังพื้นที่อื่นด้วย แม้จะเป็นบุคคลในศาสนาอื่นก็ตาม

Previous post ผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้าย รอดได้ หากเพิ่ม CD4 ได้ทัน
Next post “ยามาฮ่า” จัดหนักส่งท้ายปี เปิดตัว Yamaha AEROX 155 และ Yamaha XSR900
Social profiles