ไมตรี ลิมปิชาติ หนึ่งในนักเขียนชื่อดังกับความมุ่งมั่น… สู่ความสำเร็จ

Read Time:4 Minute, 30 Second

        ถ้าพูดถึงหนึ่งในบุคคลสำคัญที่เป็น นักเขียนชื่อดัง “ไมตรี ลิมปิชาติ” คือ หนึ่งที่มีงานเขียนที่ได้รับการกล่าวถึงทั้งจากผู้อ่าน และนักวิจารณ์วรรณกรรม ได้พูดถึงเรื่องสั้นของเขาว่าเป็นงานเขียนที่มีการจบแบบ “หักมุม” ที่ผู้อ่านนึกไม่ถึง ทำให้ได้อารมณ์ในการอ่าน และมีคุณค่าแทรกอยู่ทุกเรื่อง มีผลงานการเขียนเรื่องสั้นมากว่า 300 เรื่อง
        วันนี้ เราได้มีโอกาสได้พบกับคุณไมตรี ลิมปิชาติ นักเขียนอารมณ์ดี ที่มุมหนึ่งของร้านกาแฟ กับบรรยากาศสบาย ๆ เราจึงขอให้เขาย้อนเวลากลับไปในวันเก่า ๆ เล่าให้ฟังถึงความสำเร็จที่กว่าจะมาถึงวันนี้ คุณไมตรี ผู้ซึ่งมีหน้าตาที่มีรอยยิ้มเสมอ เป็นผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่ง จึงได้เล่าให้ฟังว่า
กว่าจะเป็น “นักเขียน”
        “สมัยเด็ก ๆ ตอนนั้นผมอายุ 13 ปี มีเพื่อนคนหนึ่ง แวะมาหาเพื่อนเอาหนังสือมาให้อ่านหลายเล่ม ครั้งแรกเป็นหนังสือการ์ตูน พอได้อ่านก็ทำให้อยากอ่านต่อ แต่เพื่อนนำมาให้เพียงครั้งเดียว จึงทำให้ผมต้องไปหาซื้อมาอ่าน ต่อมาเพื่อนคนเดิม นำหนังสือนิยาย และหนังสือพระมาให้อ่านอีก อ่านแล้ววางไม่ลง สนุกมาก หนังสือนวนิยายที่แต่งโดย สด กูรมะโรหิต และที่ชอบสุดก็เป็นชุดสามเกลอ พล นิกร กิมหงวน ติดงอมแงมไปเลย พอมีโอกาสได้อ่านหนังสือมากขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่า ผมอยากเขียนหนังสือเองบ้าง อยากเป็นนักเขียน อยากเป็นคนที่มีชื่อเสียง ซึ่งสมัยนั้น ใครที่สามารถเป็นนักเขียนได้จะเป็นคนดัง เป็นคนที่เก่งเหมือนพระเอกในนิยาย เป็นนักประพันธ์ เหมือนอย่างหนังสือของ คึกฤทธิ์ ปราโมช ถ้าเค้าไม่เขียนหนังสือ คนก็จะไม่รู้จัก ผมอยากให้คนรู้จัก ผมต้องเป็นนักเขียน เพราะสมัยนั้นมีหนทางเดียวที่จะทำให้ผมมีชื่อเสียงได้ แต่สมัยนั้นผมก็ชอบเล่นกีฬาบาสเกตบอลด้วย แล้วก็ชอบเขียนด้วย แต่ผมคิดว่าการเล่นบาสเกตบอล ตอนนี้เรายังเล่นได้ แต่ถ้าแก่แล้วก็เล่นไม่ได้ ต่างกับนักเขียน ที่ตอนแก่ก็ยังเขียนได้ ผมก็เลยหันมาเล่นกีฬาบาสอย่างมุมานะ จนเป็นถึงนักกีฬาทีมชาติ และได้เป็นตัวแทนไปแข่งที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นผมอยากเขียนเล่าเรื่องราวการแข่งขันส่งมาที่นสพ.เดลินิวส์ แต่ทางนั้นเค้าบอกว่าไม่ได้แล้ว เพราะมีคนเขียนให้แล้ว ผมก็เลยไปหานสพ.ฉบับเล็ก ๆ ฉบับหนึ่ง ชื่อ “ดาวสยาม” เค้ายอมรับให้ผมเขียนส่งได้ สมัยนั้นผมต้องไปซื้อ air letter เขียนส่งมาตอนอยู่ที่นั่นในแต่ละวัน พอเรื่องที่ได้ลงในนสพ. ผมดีใจมาก บอกให้ที่บ้านตัดเก็บไว้ จนถึงวันสุดท้ายที่ต้องเดินทางกลับ ผมตัดสินใจไปบอกโค้ชว่า จะแขวนรองเท้าแล้ว ด้วยความที่อยากเป็นนักเขียนมากกว่า ทำให้ผมมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายนี้ คงเป็นเพราะผมชอบอ่านหนังสือนี่เอง จึงทำให้อยากเขียนให้คนอื่นอ่านบ้าง ผมอ่านหนังสือของนักประพันธ์หลายท่าน ทำให้ผมเริ่มสนใจสังเกตวิธีการเขียนเรื่อง การผูกเรื่องยังไง และจะลงท้ายแบบไหน ผมเริ่มศึกษา ว่างเป็นไม่ได้ ต้องจับหนังสือมาอ่าน แล้วก็ลองเขียนคิดอะไรก็เขียน ตอนนั้นเขียนเยอะมาก เขียนจบแต่ละเรื่องก็จะเก็บเข้าแฟ้มไว้ เวลาจะหมดไปกับการหัดเขียนเรื่องสั้น เขียนทุกคืน ทั้ง ๆ ที่เขียนไปก็ยังไม่เคยได้รับการตีพิมพ์ที่ไหนเลย ผมตั้งความหวังว่า สักวันหนึ่งจะต้องเป็นนักเขียนให้ได้ โดยพยายามที่จะแก้ปัญหาเรื่องลายมือที่ไม่สวย จะไปหัดพิมพ์ดีด เพื่อจะได้พิมพ์งานส่งไปให้บรรณาธิการ จนวันนั้นก็มาถึง
1438580262688

ความประทับใจจนถึงวันนี้
จากความตั้งใจ และมุ่งมั่นไปในเส้นทางนี้ เขาก็พยายามที่อยากจะเป็นนักเขียนให้ได้ “จนวันหนึ่งผมได้แต่งงานกับอาจารย์พักตร์พริ้ง อุปรมัย ครูสอนภาษาไทย ที่โรงเรียนซีเมนต์ไทยอุปถัมภ์ จ.สระบุรี ผมสารภาพกับภรรยาว่า “ผมอยากเป็นนักเขียน” ผมเอาเรื่องที่เก็บไว้มานานให้เธออ่าน เธออ่านลายมือของผมได้ เพราะสมัยตอนจีบเธอใหม่ ๆ ผมเขียนจดหมายถึงเธอบ่อยครั้ง เธอจึงเคยชินกับลายมือของผมมาก่อน เธออ่านเรื่องสั้นของผม และชมว่าเกือบทุกเรื่องเขียนได้ดี น่าอ่าน สนุกมาก ไม่น่าเก็บไว้เฉยๆ ผมดีใจที่ได้รับคำชมจากเธอ เธอคัดเรื่องสั้น1438580283850ของผมเรื่องหนึ่ง ชื่อว่า “หล่อนต่ำเพราะอยากสูง” เธอนำไปพิมพ์ดีดอย่างดี แล้วส่งไปให้นิตยสาร ฟ้าเมืองไทยพิจารณา รอไม่นานทางนั้นก็ตอบกลับมา ว่าจะลงพิมพ์ให้ ซึ่งปกตินักเขียนเรื่องสั้น กว่าจะได้ลงพิมพ์นั้น เป็นเรื่องยาก อาจถูกโยนลงตะกร้าไปสักก่อน แต่ทว่าของผมเรื่องสั้นเรื่องแรก ได้ลงพิมพ์แล้ว ทำให้ผมดีใจมาก เพราะเป็นนิตยสารแนวหน้าของเมืองไทยในสมัยนั้น หลังจากนั้นเรื่องสั้นของผมทุกเรื่อง ที่เขียนไว้ได้ทยอยลงพิมพ์ที่นิตยสารชั้นนำทุกฉบับ ผมประทับใจและต้องขอบคุณภรรยาของผมมาก ที่ทำให้ผมไปถึงเส้นทางของนักเขียนที่หวังไว้

          เราต้องขอขอบคุณคุณไมตรี ที่ให้ข้อคิดดี ๆ ในวันนี้ และนี่คือ อีกหนึ่ง ความรัก ความมุ่งมั่น ที่นำพาไปสู่ความสำเร็จ เกิดจากการอ่าน การอยากเขียน และจังหวะของชีวิตที่นำพา “ไมตรี ลิมปิชาติ” มาถึงจุดนี้ เส้นทางของความสำเร็จที่เต็มไปด้วยความพยายาม มุ่งสู่เป้าหมายอย่างสุดกำลัง ไม่ท้อแท้ และเดินตามเส้นทางที่ได้เลือกอย่างตั้งใจ

Previous post Thai Resident Package
Next post กิจกรรมเฉลิมฉลอง ครบรอบ ๑๕๐ ปี การสถาปนาเมืองมหาสารคาม
Social profiles