“ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจร ขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Read Time:2 Minute, 26 Second

บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ในเครือชาริช โฮลดิ้ง เปิดบันทึกหน้าสำคัญในการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการ รายเดียวในประเทศไทย เปิดตัว “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมทั้งเป็นหนึ่งในศูนย์บริการที่สามารถรองรับรถเข้าซ่อมบำรุงได้มากที่สุดของทุกภูมิภาค

หลังจากได้รับการแต่งตั้ง เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการ รายเดียวในประเทศไทย เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา และการเปิดตัวรถยนต์ลัมโบร์กินี อูรุส ซูเปอร์เอสยูวีที่เร็วที่สุดในโลก ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในชีวิตประจำวันของครอบครัวยุคใหม่ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ลัมโบร์กินีในประเทศไทย โดยโชว์รูมและศูนย์บริการของลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ ที่ให้บริการแบบครบวงจร ตั้งอยู่บนพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้นกว่า 5,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่ภายในโชว์รูม 465 ตารางเมตร พื้นที่ภายในศูนย์บริการกับคลังอะไหล่ 1,720 ตารางเมตร และพื้นที่สำนักงานกับพื้นที่ใช้สอยเบ็ดเตล็ดอีก 2,538 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในใจกลางย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร บนถนนวิภาวดีรังสิต

ศูนย์บริการลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ เป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรแห่งแรกที่เป็นห้องปิดติดระบบปรับอากาศทั้ง 7 ช่องซ่อม พร้อมให้บริการด้วยความใส่ใจตามมาตรฐานคุณภาพระดับโลก ควรค่ากับเจ้าของลัมโบร์กินีผู้ทรงเกียรติพึงได้รับ พร้อมให้บริการด้วยอุปกรณ์เครื่องมือที่ครบถ้วน และทีมงานทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์มากกว่า 20 ปี สามารถรองรับรถลัมโบร์กินีได้มากกว่า 1,000 คันต่อปี ทำให้มั่นใจได้ว่าทีมงานสามารถวิเคราะห์สภาพรถและปรับแต่งให้รถหรูของทุกท่านพร้อมโลดแล่นด้วยสมรรถนะสมบูรณ์แบบมากที่สุด

นอกจากนี้ ในงานฯ ยังได้จัดแสดง “ลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ เอสวีเจ” Lamborghini Aventador SVJ ให้แฟนพันธุ์แท้ลัมโบร์กินีในเมืองไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดย ลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ เอสวีเจ เป็นรถยนต์แบบโปรดักชั่น ที่สามารถทำลายสถิติเวลาต่อรอบเร็วที่สุดในสนามนูเบิร์กริง (ด้วยเวลาเพียง 6.44.97 นาที) ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ที่สามารถรีดพละกำลังสูงสุดถึง 770 แรงม้า ข่วยให้ทะยานจาก 0-100 ภายในเวลาเพียง 2.8 วินาทีเท่านั้น นอกจากสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว อเวนทาดอร์ เอสวีเจ มาพร้อมกับระบบอากาศพลศาสตร์ ALA (Aerodynamica Lamborghini Attiva) 2.0 ที่ถูกพัฒนาให้ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพในการจัดการอากาศได้ดีกว่ารุ่น อเวนทาดอร์ เอสวีเจ ถึง 40% ส่งผลให้อเวนทาดอร์ เอสวีเจ เป็นกระทิงเปลี่ยวที่ดุดันที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ลัมโบร์กินี

Previous post เชฟโรเลต ช่วยเหลือลูกค้าผู้ประสบภัยพายุปาบึก ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย
Next post เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปล่อยแอพพลิเคชั่นใหม่ “Super APP” นำระบบ AI เข้ามาเป็น ผู้ช่วยอัจฉริยะ
Social profiles