TBCSD ภาคธุรกิจไทย เปิดเวทีระดมสมอง พร้อมชง 6 มาตรการ แก้ไขปัญหา PM2.5

Read Time:5 Minute, 40 Second

ระดมภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกประเด็น ภาคธุรกิจไทย (TBCSD) กับการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา PM2.5” พร้อมชง 6 มาตรการ ได้แก่ เสนอรัฐบาลเร่งรัดการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และหลักการ 12 มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ให้เป็นรูปธรรม สนับสนุนและสร้างแรงจูงใจในการลดการปล่อย PM2.5 เร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยที่วิเคราะห์ต้นทุนในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง พัฒนาเครือข่ายการตรวจวัด PM2.5 ให้เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน สื่อสารข้อมูล PM2.5 ให้เป็นเอกภาพ หวังกระตุ้นการแก้ปัญหา PM 2.5 อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

วันนี้ (10 มีนาคม 2563) องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand  Business Council for Sustainable Development :TBCSD)และสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ได้จัดงานเสวนา “ภาคธุรกิจไทย (TBCSD) กับการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา PM2.5       ณ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ณ อาคาร ENCO B กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพอนามัย และสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ตลอดจนร่วมกันหา           แนวทางการบริหารจัดการแบบบูรณาการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งนำเสนอบทสรุปและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมรการแก้ไขปัญหา PM2.5 จากกลุ่ม TBCSD ที่จะนำไปขับเคลื่อนและเสนอแนะในระดับนโยบายต่อไป

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) กล่าวในการเปิดงานเสวนา “ภาคธุรกิจไทย (TBCSD) กับการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา PM2.5 ว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมอน หรือ PM2.5     ที่อยู่ใระดับเกินค่ามาตรฐานด้กลายเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยละจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของ TBCSD ที่มีสมาชิกกว่า 40 องค์กรจากทุกภาคอุตสาหกรรม อาทิ พลังงาน ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์วัสดุก่อสร้าง ค้าปลีก โรงกลั่น ปิโตรเคมี ถือเป็นองค์กรที่มีสมาชิกเป็นเครือข่ายภาคเอกชนมารวมตัวกัน ซึ่งแต่ละองค์กรมีระบบการบริหารจัดการในการลดผลระทบจากปัญหา PM2.5 อาทิ ระบบการผลิต การขนส่ง เป็นต้น นับเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่จะมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญห PM2.5 ให้ลดลงได้  ซึ่งการจัดงานสวนาในครั้งนี้จะเป็นนำเสนอข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อร่วมกันหาแนวทางบริหารจัดการแบบบูรณาการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งนำเสนอบทสรุป   และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหา PM2.5 จากกลุ่ม TBCSD ที่ะนำไปขับเคลื่อนและเสนอแนะในระดับนโยบายต่อไป

ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษทางอากาศ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) กล่าวว่า ในปี 2562 สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยมีค่ามาตรฐานเฉลี่ย  24 ชั่วโมง เท่ากับ 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร แต่ในช่วงที่มีฝนตกปริมาณฝุ่นก็จะปรับลดลง  ซึ่งในการแก้ไขปัญหาต้อง

ดำเนินการอย่างต่อเนื่อโดยทุกภาคส่วนจะต้องร่วมด้วยช่วยกัเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น แม้ว่ามาตรการต่าง ในการแก้ไขปัญหาทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจะยังไม่เห็นผลในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เช่น มาตรการในเรื่องของน้ำมันที่ไม่ร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม การปรับเปลี่ยนประเภทรถซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป

นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า จากการประเมินผลกระทบเศรษฐกิจพบว่าปัญหา PM2.5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะทำให้เสียโอกาสด้านเศรษฐกิจประมาณ  3,200-6,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นด้านสุขภาพประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท การท่องเที่ยว 1,000-2,400 ล้านบาท และด้าน     อื่น ๆ อีก 200-600 ล้านบาท ซึ่งปัญหา PM2.5 จะยังอยู่จนกว่าจะได้รับการแก้ไขที่ต้นเหตุ โดยสาเหตุของปัญหา PM2.5 ในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน เช่น บางพื้นที่เกิดจากการเผาไหม้ของรถยนต์ การเผาในที่โล่ง เช่น เผาขยะ และการเผาในภาคการเกษตร โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งการแก้ไขปัญหาจะต้องมีAction  Plans ที่ตรงจุด เช่น ภาครัฐสนับสนุนการใช้เครื่องจักรตัดอ้อยแทนการเผา และโครงการรัซื้อรถเก่าเพื่อเปลี่ยนเป็นรถใหม่ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายและที่สำคัญคือจะต้องครอบคลุมปัญหาทั้งในระยะสั้นหรือปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยจะต้องมีการกำหนดเป้าหมายเป็นเฟส และทุกมาตรการมีทั้งผลบวกและผลกระทบทั้งสิ้น และหากปัญหา PM2.5 ยังไม่ได้รับการแก้ไขก็จะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ การสูญเสียรัพยากรด้านแรงงาน รวมถึงการสูญเสียเชิงภาพลักษณ์ในแง่ของการเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางการแพทย์อีกด้วย

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา เลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) และผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI)กล่าวว่าสำหรับในส่วนของ TBCSD ได้ดำเนินมาตรการเพื่อร่วมแก้ไขปัญหา PM2.5 ใน 3 ส่วนหลักๆ มาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 1.มาตรการที่บริษัทสมาชิกดำเนินการเองโดยสมัครใจ เช่น การส่งเสริมการตรวจสภาพและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ การบรรทุกขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ การมีพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 2.มาตรการอความร่วมมือจากบริษัทสมาชิในช่วงวิกฤต เช่น เลือกใช้น้ำมันที่เป็น Bio-based (น้ำมัน B ต่าง ) หรือก๊าซธรรมชาติ ลดการใช้รถใช้ถนน 3.สร้างการรับรู้แก่พนักงานขององค์กรและประชาชนทั่วไปให้รับรู้ถึงปัญหาและผลกระทบ วิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 โดยการประชาสัมพันธ์เชิงรุกและใช้สื่อออนไลน์ให้เป็นประโยชน์

สำหรับการสวนาในครั้งนี้ TBCSD ได้รวบรวมข้อเสนอแนะ 6  มาตรการแก้ไขปัญหา PM2.5 เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลดังนี้    1. ขอให้รัฐบาลเร่งรัดการดพ้นนิการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง และหลักการ 12 มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอง PM2.5 ให้เป็นรูธรรม 2. สนับสนุนและสร้างแรงจูงใจในการลดการปล่อย PM2.5 3.เร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล  4.ส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยที่วิเคราะห์ต้นทุนในทุกมิติที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา PM2.5 ให้เป็นรูปธรรม 5.พัฒนาเครอข่ายการตรวจวัด PM2.5 ให้เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน และ 6.การสื่อสารข้อมูล PM2.5 ให้เป็นเอกภาพ พร้อมสร้างแนวร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

Previous post กสทช. เร่งผลักดัน IoT เดินหน้าลดความเสี่ยงภัยคุกคามไซเบอร์
Next post เบนซ์สตาร์แฟลก อัดแคมเปญ “โปรเด็ด ราคาเดือด” รถหรูตระกูล S-Class
Social profiles