3 แพลตฟอร์มออนไลน์เทรดดิ้ง แนะนำสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

Read Time:8 Minute, 34 Second

การเทรดในปัจจุบันไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะเลือกใช้เครื่องมือหลากหลายมาเป็นตัวช่วยในการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงและความผันผวนของราคา ไม่ว่าจะเป็นอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ หรือการวาดกราฟ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและใช้วางแผนกลยุทธ์การเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทรดเดอร์มือใหม่ที่เครื่องมือเหล่านี้มีความจำเป็นในการช่วยวิเคราะห์ และวางกลยุทธ์การซื้อขาย ดังนั้น แพลตฟอร์มออนไลน์เทรดดิ้งที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างความพร้อมและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับเทรดเดอร์มือใหม่ได้ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญจาก https://trading.in.th ได้วิเคราะห์ไว้ มีแพลตฟอร์มออนไลน์เทรดดิ้งที่น่าสนใจที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นเทรดดิ้งหรือเทรดเดอร์มือใหม่ด้วยกัน 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5) และ cTrader

ภาพรวมฟีเจอร์เด่น ๆ ของ MetaTrader

ก่อนที่เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดของแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 เราควรต้องทำความเข้าใจภาพรวมของแพลตฟอร์ม MetaTrader เสียก่อน เพื่อให้รู้ว่าแพลตฟอร์ม MetaTrader นี้มีฟีเจอร์หลัก ๆ อะไรบ้างที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดให้กับเทรดเดอร์มือใหม่ และฟีเจอร์เหล่านี้ก็มีทั้งใน MT4 และ MT5 แต่ในส่วนของฟีเจอร์ที่แตกต่างกันของ MT4 และ MT5 เราจะได้กล่าวถึงเป็นลำดับถัดไป ภาพรวมฟีเจอร์เด่นหลัก ๆ ของ Meta Trader มีดังนี้

  • รองรับบราวเซอร์หลากหลาย MetaTrader สามารถรองรับบราวเซอร์ได้หลากหลาย เช่น Chrome OS, Gentoo, FreeBSD เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงและเลือกใช้งานจากบราวเซอร์ต่าง ๆ ได้
  • การอินเตอร์เฟซกับผู้ใช้ (UI) จะเป็นเวอร์ชั่นเดสก์ท็อป โดยเทรดเดอร์สามารถจัดการเทรดของตนเองได้ ซึ่งเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ก็จะมีความคุ้นเคยกับหน้าต่างและเมนูบนเดสก์ท็อปอยู่แล้ว
  • สามารถสร้างแผนภูมิแบบกำหนดเองได้ โดยเทรดเดอร์สามารถเปลี่ยนสี องค์ประกอบแผนภูมิ และตัวบ่งชี้ต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะกับสไตล์การวางแผนและการวิเคราะห์
  • รองรับการเทรดสินค้าหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเทรดเดอร์ โดยสินค้าที่สามารถเทรดได้ ได้แก่
    • ฟอเร็กซ์ (Forex) ซึ่งจะมีคู่เงินต่าง ๆ ให้เทรด ได้แก่ EUR-USD, USD-JPY, GBP-JPY เป็นต้น
    • โลหะมีค่า (Metal) โดยจะเป็นโลหะมีค่าในระบบเศรษฐกิจ เช่น ทองคำ เงิน ทองแดง แพลทตินัม พาลาเดียม
    • คริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) ซึ่งจะมีหลายสกุลเงินไห้เลือกเทรด เช่น Bitcoin, Ripple, Litecoin, Ethereum เป็นต้น
    • สินค้ากลุ่มเกษตร (Agriculture) โดยจะเป็นเฉพาะสินค้าที่เป็นวัตถุดิบสำคัญของระบบเศรษฐกิจ เช่น น้ำตาล คอตตอล เมล็ดกาแฟ เป็นต้น
    • บอนด์ (Bond) ซึ่งหลัก ๆ จะมีให้เทรดหุ้น (Stock) โดยจะมีหุ้นให้เลือกเทรดจากตลาดหุ้นทั่วโลก และ ETF โดยจะมีกองทุน ETF ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกให้เทรดเดอร์ได้เลือกสรร

ฟีเจอร์เด่นๆ ของแพลตฟอร์มออนไลน์เทรดดิ้ง MetaTrader 4 (MT4)

สำหรับฟีเจอร์เด่น ๆ ของ MT4 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดให้กับเทรดเดอร์มีดังนี้

1.  รูปลักษณ์โปรแกรม

ซึ่งได้รับการออกแบบให้ดูเรียบง่าย แต่ทันสมัย ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นมืออาชีพให้เทรดเดอร์ขณะใช้งานอยู่ และใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังสามารถปรับเปลี่ยนหน้าที่การใช้งานและลักษณะหน้าตาของโปรแกรม เช่น ขนาด สี เส้นกราฟ และฟังค์ชั่นการทำงานให้เป็นไปตามการใช้งานได้อีกด้วย

2. รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์ที่หลากหลาย

โดยสามารถติดตั้งโปรแกรมได้ทั้งบน PC โน๊ตบุ๊ค และมือถือ หากเทรดเดอร์ติดตั้งโปรแกรมบน PC หรือโน๊ตบุ๊ค จะสามารถเปิดโปรแกรมมาใช้งานโดยตรงได้เลย โดยไม่ต้องเปิดใช้งานผ่านบราวเซอร์ เพียงแต่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตขณะใช้งานอยู่ หากเป็นการใช้งานบนมือถือ เทรดเดอร์สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น MT4 มาใช้งานได้ โดยโปรแกรมจะรองรับทั้งระบบ Android และ IOS โดยจะปรับหน้าตาอินเตอร์เฟซการใช้งานให้เป็นการแสดงผลบนมือถือ ทำให้ใช้งานง่าย อย่างไรก็ตาม การใช้งานบนมือถือ ในการคลิกคำสั่งต่าง ๆ อาจมีบางส่วนที่ช้ากว่าการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ MT4 ยังเป็นโปรแกรมที่มีขนาดไฟล์ไม่ใหญ่มาก ทำให้ไม่เปลืองเนื้อที่จัดเก็บหรือทรัพยากรของเครื่องมากนัก จึงทำให้ไม่เกิดอาการแฮงค์ของโปรแกรม ดังนั้น โปรแกรมนี้จึงสามารถใช้งานได้กับทั้งเครื่องที่ spec มีความเร็วสูงหรือต่ำก็ได้

3. มี indicator ให้เทรดเดอร์เลือกใช้มากกว่า 30 ตัว

เช่น Bollinger Bands, MACD, Parabolic SAR , Relative Strength Index, Moving Average รวมทั้งมีศูนย์ความรู้ออนไลน์เกี่ยวกับ indicator ให้เทรดเดอร์สามารถเข้าไปศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้อีกด้วย สำหรับหน้าตาของ indicator ที่แสดงผลบนคอมพิวเตอร์กับมือถือจะไม่แตกต่างกัน

4. มี time frame มากกว่า 9 แบบให้เลือกในการเทรด

time frame ในกราฟที่เราเลือกใช้ในการเทรดมีความสำคัญมาก เพราะ time frame ที่ละเอียดจะสามารถสร้างโอกาสในการเทรดให้กับเทรดเดอร์ได้มากขึ้น ซึ่งใน MT4 เทรดเดอร์สามารถเลือก time frame ของราคาอัตราแลกเปลี่ยนของกราฟได้ตั้งแต่ 1 นาที, 5 นาที, 15 นาที, 30 นาที, 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, รายวัน, รายสัปดาห์ และรายเดือน ดังนั้น เทรดเดอร์จึงสามารถเลือกเทรดได้ทั้งแบบช่วงเวลาสั้นหรือช่วงเวลายาว

5. โปรแกรม MT4 สามารถแสดงกราฟได้ถึง 3 แบบ

ได้แก่ กราฟแท่ง กราฟเส้น และกราฟแท่งเทียน ซึ่งเทรดเดอร์สามารถเลือกได้ตามความถนัดและความชอบ นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรม pending order ให้เลือกถึง 4 แบบ คือ คำสั่ง buy-limit, sell-limit, buy-stop และ sell-stop

6. สามารถเทรดคู่ค่าเงินหลาย ๆ คู่พร้อมกันได้

โดยโปรแกรมจะมีฟังก์ชั่นช่วยให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นกราฟหลายคู่เงินในเวลาเดียวกัน และสามารถเทรดได้หลาย ๆ คู่พร้อมกันได้

7. โปรแกรมรองรับภาษา MQL

ซึ่งเทรดเดอร์สามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษา MQL เพื่อสร้าง Expert Advisor (EA) ซึ่งเป็นระบบเทรดแบบอัตโนมัติ ให้ทำงานร่วมกับ Meta Trader ได้ ซึ่งการนำระบบเทรดดิ้งที่ได้ออกแบบมามาใช้เป็นการส่งคำสั่งอัตโนมัติ จะช่วยให้เทรดเดอร์ไม่ต้องคอยเฝ้าหน้าจออยู่ตลอดเวลา โดยสามารถปล่อยให้ระบบเทรดอัตโนมัติทำตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ได้

ฟีเจอร์เด่นๆ ของแพลตฟอร์มออนไลน์เทรดดิ้ง MetaTrader 5 (MT5)

MetaTrader 5 เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการพัฒนาจากให้เป็นโปรแกรมเทรดแบบครบวงจรหรือ all in one คือให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายสินค้าหลาย ๆ ตัวพร้อมกันได้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อที่เทรดเดอร์จะได้ไม่ต้องติดตั้งหลาย ๆ แพลตฟอร์ม ซึ่งฟีเจอร์เด่น ๆ ของ MT5 ที่ช่วยซัพพอร์ตในการเทรดได้แก่

1. โปรแกรมติดตั้งได้รวดเร็ว

ซึ่งจะไม่มีปัญหาโปรแกรม error หรือปัญหาโปรแกรมเปิดใช้งานไม่ได้หลังจากติดตั้งเสร็จ และยังมีโปรแกรมช่วยให้สามารถติดตั้งได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้โปรแกรม MT5 ยังมีฟีเจอร์ที่สามารถใช้งานบนโทรศัพท์มือถือได้ เนื่องจากได้รับการออกแบบมาให้รองรับการใช้งานบนมือถือ ทั้งระบบ iOS และ Android

2. สามารถใช้เทรดกองทุน ETF ต่าง ๆ ได้

โดยจะเทรดผ่านตราสาร CFD ซึ่งเทรดเดอร์สามารถเลือกเทรดทำกำไรได้ทั้งฝั่งขาขึ้นหรือขาลง นอกจากนี้ MT5 ยังมีโปรแกรมที่สามารถรองรับการเทรดตราสารได้หลากหลายชนิด และสำหรับการเทรดฟอเร็กซ์ โปรแกรมยังรองรับการซื้อขายหุ้นและสิทธิซื้อขาย และยังมีฟังก์ชั่นเพิ่มคำสั่งซื้อคงค้างประเภทจำกัดการหยุดซื้อและจำกัดการหยุดขายอีกด้วย นอกจากนี้ MT5 ยังสามารถตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติมเวลาซื้อขายได้ เช่น สามารถตั้งเป็น FOK หรือ IOK

3. มี time frame มากกว่า 21 แบบ

ซึ่งเทรดเดอร์สามารถเลือกดูและใช้งานได้ ซึ่ง Time Frame เหล่านี้ได้แก่ กราฟแบบนาที 11 แบบ กราฟแบบชั่วโมง 7 แบบ กราฟแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน 

4. MT5 มีโปรแกรม pending order ถึง 6 แบบ

โดย MT5 ได้ซัพพอร์ท pending order สำหรับเทรดเดอร์ไว้ ซึ่งได้แก่ คำสั่ง buy-limit, sell-limit, buy-stop, sell-stop, buy-stop-limit และ sell-stop-limit

5. มีทั้งโหมด Hedging และโหมด Netting

ในการเทรดฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์สามารถสลับกันระหว่างโหมด Hedging และโหมด Netting ในโปรแกรมได้ นอกจากนี้ โปรแกรมยังมีเมนูการใช้งาน DOM ที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถดูราคาและกำหนดระดับราคาให้กับตราสารการเงินได้

6. MT5 มีอินดิเคเตอร์มากถึง 38 ตัว

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาอินดิเคเตอร์ที่เป็นวัตถุแสดงผลเพิ่มขึ้น 22 ตัว และมีอินดิเคเตอร์ที่แสดงผลเป็นกราฟฟิกเพิ่มขึ้น 46 ตัวด้วย

ฟีเจอร์เด่น ๆ ของแพลตฟอร์มออนไลน์เทรดดิ้ง cTrader

cTrader เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์เทรดดิ้งที่รองรับการเทรดทั้ง Forex, ETF, CFD น้ำมัน และทองคำ ฟีเจอร์หลัก ๆ ของ cTrader ที่น่าสนใจมีดังนี้

1. โปรแกรม cTrader มีอินเทอร์เฟซที่สามารถปรับแต่งกราฟได้มากถึง 50 แบบ

ซึ่งสามารถใช้สำหรับวางแผนกลยุทธ์การวิเคราะห์ทางเทคนิคต่าง ๆ รวมทั้งยังสามารถปรับแต่งด้วยค่าพรีเซ็ตต่าง ๆ และมีกราฟที่สามารถแยกออกมาได้ นอกจากนี้ ตัวโปรแกรมยังมีระบบโรบอทเทรด ที่สามารถ optimize หรือปรับเปลี่ยนตามความต้องการของเทรดเดอร์ได้

2. โปรแกรม cTrader สามารถประมวลคำสั่งต่าง ๆ ได้พร้อมกัน

ดังนั้น เทรดเดอร์จึงสามารถเทรดได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคิว โดยคำสั่งสามารถลากและวางได้โดยตรงจากกราฟ ซึ่งอัลกอริทึมนี้เองที่สามารถตั้งโปรแกรมและปรับแต่งให้เข้ากับกลยุทธ์การเทรดได้ จึงช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดได้

3. โปรแกรมสามารถทำงาน Smart Stop Out ได้

ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันระดับมาร์จิ้นของเทรดเดอร์ ซึ่งถ้าหากระดับมาร์จิ้นลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนดของ Smart Stop Out แล้ว โพซิชั่นบางส่วนจะถูกปิด จนกระทั่งระดับมาร์จิ้นอยู่เหนือ Smart Stop Out ซึ่งการทำงานของ Smart Stop Out คือจะทำการปิดส่วนที่อยู่ในโพซิชั่นขนาดใหญ่ที่สุดเท่านั้น เพื่อกู้คืนระดับมาร์จิ้นให้ปลอดภัย ซึ่งถือเป็นการปกป้องตัวโพซิชั่น และบัญชีซื้อขายด้วย

4. สามารถตั้งค่า Scale-Out และ Stop-Loss ได้

ซึ่งการตั้งค่าดังกล่าว จะช่วยให้เทรดเดอร์ทยอยปล่อยสถานะในระดับต่าง ๆ ได้ และสามารถตั้ง Stop Loss ที่จุดคุ้มทุนได้ รวมทั้งยังสามารถตั้งค่า Trailing Stop เพื่อช่วยมองหาโอกาสในการเทรดได้ ซึ่งความสามารถดังกล่าวของโปรแกรม สามารถใช้บริหารความเสี่ยงได้

5. ค่า spread ต่ำ

ซึ่งการที่ระยะห่างของราคาซื้อและราคาขายหรือ spread ของ cTrader ที่ต่ำ จะช่วยให้เทรดเดอร์มีโอกาสทำกำไรเร็วขึ้น เพราะการขยับของระยะห่างไม่เยอะ ซึ่งค่า spread ของ cTrader จะมี 2 แบบ คือ fix spread หรือค่า spread คงที่ และ float spread หรือแบบลอยตัว คือค่า spread จะมีการขยับขึ้นลงเล็กน้อย

สรุป

แพลตฟอร์มออนไลน์เทรดดิ้งทั้ง 3 แพลตฟอร์มนี้ต่างก็มีจุดเด่นที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดที่แตกต่างกัน การที่เทรดเดอร์จะเลือกแพลตฟอร์มไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและเครื่องมือที่เทรดเดอร์ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด และแนวทางการวางกลยุทธ์ในการเทรด หากเทรดเดอร์เข้าใจในสไตล์การเทรดของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว การเลือกแพลตฟอร์มออนไลน์เทรดดิ้งที่เหมาะสมกับตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

Previous post เวเบอร์ ตราตุ๊กแก และ ยิปรอค ร่วมใจสู้โควิด-19 แจกข้าวกล่องและถุงยังชีพกว่า 4,000 ชุดแก่แคมป์ก่อสร้าง 10 แห่งทั่วกรุงเทพฯ
Next post แคมเปญ ‘Mercy is Power – พลังที่แท้จริงเกิดจากความเมตตาชีวิตช้างและเสือ’
Social profiles