ผ่าตัดถุงน้ำดีแบบซ่อนแผล

ปัจจุบันบนโลกของเรามีผู้ป่วยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีถึง 20% ของคนทั่วไป โดยในประเทศไทยมีผู้ป่วยที่มีนิ่วในถุงน้ำดีอยู่ที่ประมาณ 6% และมีแนวโน้มในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราได้อิทธิพลการรับประทานอาหารตามชาวตะวันตก ทำให้มีโอกาสเกิดนิ่วชนิดคลอเรสเตอรอลเพิ่มขึ้น แต่กว่า 80% ของผู้ป่วยที่มีโรคนิ่วในถุงน้ำดี จะไม่มีอาการ!! แล้วเราจะทราบได้อย่างไร...ว่าเรามีนิ่วในถุงน้ำดี  ผู้ป่วยที่เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีที่มีอาการน้อย มักจะรู้สึกจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ไปจนถึงใต้ชายโครงขวา และมักเป็นหลังรับประทานอาหารมัน ๆ หรืออาหารมื้อใหญ่ ๆ เป็นครั้ง ๆ ละประมาณ 30-60 นาทีและหายได้เอง แต่ถ้าหากมีอาการมากขึ้นจะรู้สึกปวดร้าวจากท้องไปที่หลัง หรือสะบักข้างขวาได้ บางคนอาจจะปวดมากจนไม่สามารถทานอาหารได้เลย และในผู้ป่วยที่เริ่มมีภาวะแทรกซ้อนแล้ว จะเริ่มปวดท้องรุนแรงตลอดเวลา มีไข้สูง อาจจะถึงขั้นตัวเหลืองตาเหลืองได้ ในกรณีนี้ผู้ป่วยจำเป็นจะต้องเข้าพบแพทย์อย่างเร่งด่วน ส่วนในกลุ่มที่ไม่มีอาการมักจะตรวจพบได้จากการตรวจสุขภาพประจำปี หรือพบเจอจาการตรวจ อัลตราซาวน์ หรือ ทำ CT scan นิ่วในถุงน้ำดีจำเป็นต้องผ่าตัดมั้ย?? และผ่าตัดอย่างไร หลายคนมักจะสงสัยว่า การผ่าตัดเอาแค่นิ่วออกใช่มั้ย หรือ ถ้าไม่ผ่าตัดได้หรือไม่ ? การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี คือการตัดถุงน้ำดีออกไปครับ ไม่สามารถนำแค่นิ่วออกไปได้ เพราะว่าจะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ หรืออาจจะเกิดน้ำดีรั่วในช่องท้องได้ครับ และถ้าเราเริ่มมีอาการของนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว จำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดถุงน้ำดีเสมอครับ เพราะว่าเมื่อเริ่มมีอาการแล้ว แปลว่าในอนาคตจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้สูงครับ แต่ ถ้าไม่มีอาการเลยจะจำเป็นต้องผ่าตัดก็ต่อเมื่อ 1. นิ่วมีขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. 2. ตรวจพบนิ่วร่วมกับติ่งเนื้อในถุงน้ำดี3.ถุงน้ำดีมีลักษณะอักเสบเรื้อรัง (porcelain gallbladder) 4. เป็นโรคเม็ดเลือดแดงผิดปกติ เช่น sickle cell anemia, hereditary spherocytosis และ 5.อยู่ในพื้นที่ห่างไกลไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ถ้าเกิดมีภาวะแทรกซ้อน การผ่าตัดโรคนิ่วในถุงน้ำดีในปัจจุบันต่างกับในอดีต อย่างไร? ในอดีตการผ่าตัดถุงน้ำดีจะเป็นแบบเปิดซึ่งมีแผลขนาด 15-20 ซม. ซึ่งการผ่าตัดแบบนี้ทำให้ผู้ป่วยปวดแผลมาก ฟื้นตัวช้าและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนของแผลผ่าตัดได้สูง จนในปัจจุบันได้มีการพัฒนาการผ่าตัดแบบส่องกล้อง โดยจะมีแผลเพียงแค่ 0.5-1 ซม. ประมาณ 3-4 แผล ทำให้...

หมดปัญหาเหงื่อออกเท้า ปัญหาที่แก้ได้

ปัญหาเหงื่อออกเท้า ยังคงเป็นปัญหาที่พบเจอได้บ่อย นอกจากไม่เพียงแต่ทำให้เกิดกลิ่นเท้า แต่ยังทำให้ขาดความมั่นใจ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย โรคเหงื่อออกเท้าเป็นการปรับอุณหภูมิของร่างกายในการทำให้เท้าเย็นลง สร้างความสมดุลให้เซลล์ผิว แต่ถ้าเหงื่อออกเท้ามากเกินไปจนส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กโดยเร็ว  โดยอาการเหล่านี้บ่อยครั้งที่มักเกิดจากต่อมเหงื่อถูกกระตุ้นการทำงานมากกว่าปกติ จนทำให้เกิดภาวะเหงื่อออกเท้ามากผิดปกติ (Palmar Hyperhidrosis) โดยอาการที่ผิดปกติ คือ เหงื่อออกเท้ามากเกินไปสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และมักเป็นบริเวณเท้าทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยส่วนมากมักมีอาการสัมพันธ์ร่วมกับเหงื่อออกมือหรือรักแร้ และอาการดังกล่าวนั้น มักเกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆหรือภูมิอากาศ โดยมักเป็นตั้งแต่อายุน้อย ๆ หรือมักมีประวัติครอบครัวมีอาการคล้ายคลึงกัน วิธีการรักษาเหงื่อออกเท้าในปัจจุบัน เริ่มจากการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อและรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำหากอาการยังไม่ดีขึ้น...

แพทย์เผยเตรียมรับมือคนไทยอ้วน

ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดและรักษาโรคอ้วน เผยเนื่องในวันอ้วนโลกวันที่  4 มีนาคมของทุกปี ว่าในปัจจุบันมีคนไทยมีภาวะโรคอ้วนมากกว่า 1 ใน 3 (“น้ำหนักเกิน” ค่า BMI > 25 kg/m) โดยในกลุ่มนี้มีเกือบ 7 ล้านคนเป็นโรคอ้วนทุพพลภาพ (ค่า BMI > 30 kg/m) การรักษาโรคอ้วนด้วยการผ่าตัดกระเพาะ ถือเป็นอีกวิธีในการต่อสู้กับภาวะโรคอ้วนรุนแรง ที่จะทำให้ลดภาวะของโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงต่าง ๆ ที่เกิดจากความอ้วน นพ.นรนนท์  บุญยืน ศัลยแพทย์ผ่าตัดผ่านกล้องและโรคอ้วน โรงพยาบาลอุตรดิตถ์...

รอบรู้เรื่องโรคไทรอยด์

รู้มั้ยว่ามากกว่า 2 ใน 3 ของพวกเราทุกคนต่างก็มีก้อนที่ต่อมไทรอยด์ โดยที่ผู้หญิงมีโอกาสพบก้อนที่ต่อมไทรอยด์มากกว่าผู้ชายได้ถึง 4 เท่า ปัญหาคือ ถ้าเราเจอก้อนที่ต่อมไทรอยด์....แล้วจะทำอย่างไรต่อดี ในอดีตเราจะรู้ว่ามีก้อนที่ต่อมไทรอยด์ก็ต่อเมื่อ คลำก้อนได้หรือมีอาการกดเบียดจากก้อน เช่น หายใจลำบาก กลืนลำบาก ซึ่งจะพบได้เพียงแค่ 10-15% ของคนที่มีก้อนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับสุขภาพเรามากขึ้น มีการตรวจคัดกรองมะเร็งต่าง ๆมากขึ้น  เราจึงพบก้อนที่มีขนาดเล็กลงและไม่มีอาการ  ทำให้เราเจอก้อนที่ต่อมไทรอยด์เพิ่มมากขึ้นจนถึง50-67 % ของคนทั่วไป แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ.... มีเพียงแค่ 4-7% ของก้อนเท่านั้นที่มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้ หลังจากพบก้อนที่ต่อมไทรอยด์แล้ว เราจำเป็นต้องตรวจวัดระดับฮอร์โมน และตรวจอัลตร้าซาวด์เพื่อดูลักษณะของก้อน ปกติแล้วก้อนที่มีขนาดใหญ่กว่า 1-2 ซ.ม. หรือหน้าตาน่าสงสัยว่าจะเป็นมะเร็ง จะต้องได้รับการเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ ส่วนการส่งตรวจ Thyroid Scan จะพิจารณาทำในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษเท่านั้นครับ เมื่อแพทย์ผู้รักษาได้ข้อมูลต่าง ๆ ครบถ้วน ก็มาถึงขั้นตอนการวางแผนการรักษา การรักษาจะมีแนวทางการรักษาตั้งแต่การตรวจติดตามและเฝ้าระวังในกรณีที่มีก้อนขนาดเล็ก และลักษณะของก้อนไม่เหมือนมะเร็ง ส่วนข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด ได้แก่ ก้อนที่มีขนาดใหญ่...

คนอายุน้อย…ทำไมเป็นมะเร็งปอดมากขึ้น

โดยส่วนใหญ่หลาย ๆ คนมักคิดว่า “โรคมะเร็งปอด” ควรจะต้องเป็นในคนอายุมากหรือคนที่สูบบุหรี่เท่านั้นแต่แท้จริงแล้วโรคมะเร็งปอดสามารถเกิดขึ้นได้ในคนอายุน้อยเช่นเดียวกัน โดย ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย (อ้างอิง การศึกษา Journal of cancer ที่ในสังเกตพบว่ามะเร็งปอดมักพบในช่วงอายุ 70 ปีและมากกว่า 70% มักจะพบในช่วงอายุที่มากกว่า 55 ปี แต่อย่างไรก็ตามมากกว่า 10% ที่พบในกลุ่มที่อายุน้อยกว่า 50% และจำนวน 1.4% พบน้อยกว่าอายุ 35 ปี ทั้งนี้ในกลุ่มคนอายุน้อยจะสังเกตพบว่า จะเจอในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยชนิดที่พบมักจะเป็น Adenocarcinoma)  ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องในช่องทรวงอก โรงพยาบาลวชิรพยาบาล กล่าวว่า ทั่วไปผู้ป่วยที่มีอายุน้อยมักจะพบระยะ 4 เมื่อการตรวจวินิจฉัยครั้งแรก (ระยะ 4 หมายถึง มีการลุกลามเข้าเยื่อหุ้มปอดหรือไปที่บริเวณอวัยวะอื่น ๆ  เช่น สมอง  กระดูก  ต่อมหมวกไต และตับ เป็นต้น) โดยสาเหตุที่พบเจอช้าเนื่องจากเวลามีอาการไอหรือเหนื่อย ในคนอายุน้อยทางการแพทย์เราจะนึกถึงโรคมะเร็งค่อนข้างน้อย จึงใช้เวลาในการหาสาเหตุอื่น ๆ...

วิธีการผ่าตัดรักษาโรคอ้วนแบบสลีฟพลัส Sleeve Plus

โรคอ้วน คืออะไร ? โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากผิดปกติ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันพอกตับ โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคเส้นเลือดหัวใจหรือสมองตีบตัน โรคกรดไหลย้อน กระดูกสันหลังหรือกระดูกเข่าเสื่อม เป็นต้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย  การรักษาด้วยการใช้ยา  การออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารที่มีพลังงานต่ำ สามารถลดน้ำหนักได้ แต่ไม่สามารถรักษาหรือคงน้ำหนักให้ผู้ป่วยได้ตลอด ผู้ป่วยมักจะมีน้ำหนักตัวกลับมาเพิ่มขึ้นได้ จึงได้มีการรักษาด้วยการผ่าตัดขึ้น ซึ่งสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าและมีผลสามารถคงน้ำหนักได้เป็นระยะเวลานานมากกว่า 7-10 ปีขึ้นไป ในผู้ป่วยที่มีดัชนีมวลกาย ไม่มาก สามารถพิจารณาลดน้ำหนักโดยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายได้ แต่หากผู้ป่วยมีดัชนีมวลกายที่สูงมากมักมีข้อจำกัดในการออกกำลังกายเนื่องจากมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับโรคอ้วนร่วมด้วย นอกจากนี้ลำพังเพียงการออกกำลังกายและควบคุมอาหารมักไม่สามารถลดน้ำหนักได้มากเพียงพอที่จะทำให้หายจากโรคประจำตัวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนได้ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคเข่าเสื่อม โรคไขมันในเลือดสูง โรคไขมันเกาะตับ เป็นต้น การผ่าตัดรักษาโรคอ้วน คืออะไร ?...

5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการผ่าตัดปอด

หลายคนรู้หรือไม่ว่าปอดของคนเรานั้นมีอยู่ 2 ข้าง แต่จะมีจำนวนกลีบปอดไม่เท่ากัน และอย่างที่เราทราบกันว่า ปอดนั้นมีหน้าที่หลัก คือไว้แลกเปลี่ยนของเสียโดยการขับคาร์บอนไดออกไซด์และนำเอาออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อไปเลี้ยงทั้งร่างกาย โดยคนทั่วไปจะมีปอดทั้ง 2 ข้าง คือข้างซ้ายและข้างขวา โดยมีหัวใจขั้นอยู่ระหว่างทั้ง 2 ข้าง ซึ่งรู้หรือไม่ว่าปอดทั้ง 2 ข้างมีจำนวนไม่เท่ากัน ปอดข้างขวานั้นประกอบด้วย 3 กลีบ ส่วนข้างซ้ายมีแค่ 2 กลีบเท่านั้น โดยแต่ละกลีบนั้นจะประกอบด้วยถุงลมขนาดเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็นมากกว่าหลายร้อยล้านถุง ที่คอยช่วยในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและขับของเสียจากกระแสเลือดไปสู่การหายใจออก ดังนั้นจึงขอฝากให้คนทั่วไปได้รู้จักกับ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการผ่าตัดปอด ดังนี้ 1.ทำไมผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายบางรายถึงไม่มีอาการ ทั้งนี้เนื่องจากร่างกายของเรามีถุงลมขนาดเล็กจำนวนมากที่ค่อยช่วยเหลือในการขับของเสีย ฉะนั้นเมื่อเกิดจุดหรือเซลล์มะเร็งปอดเกิดขึ้น ในช่วงเริ่มต้นอาจมีขนาดเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปอด ซึ่งมีถุงลมจำนวนมากที่ยังคงทำหน้าที่ทดแทน ทำให้ผู้ป่วยไม่มีอาการใด ๆ ยกเว้นแต่ตัวเชื้อมะเร็งจะอยู่ชิดหลอดลมหรือเส้นเลือด กลุ่มนี้อาจแสดงอาการไอ หรือ มีอาการไอเป็นเลือดเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อก้อนเนื้อมะเร็งเริ่มเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงระดับที่ถุงลมภายในปอดทำงานช่วยไม่ไหว หรือมีน้ำท่วมปอด ที่ไปลดพื้นที่การทำงานของปอด เมื่อนั้นผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหนื่อยหรือหายใจไม่อิ่ม  2.ถ้าหากเราผ่าตัดปอดไป เราจะยังหายใจได้หรือไม่ ซึ่งอย่างที่เราทราบกันว่า ธรรมชาตินั้นได้สร้างปอดขึ้นมาเผื่ออยู่แล้ว โดยคนปกติที่แข็งแรงนั้น สามารถใช้ปอดหลังจากการผ่าตัดปอดได้ 1 ข้างอย่างสบาย ๆ เลยทีเดียว  แต่อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัดปอดนั้น ควรได้รับการประเมินสมรรถภาพปอดก่อนการผ่าตัด (Pulmonary function...

หมดกังวลกับโรคอกบุ๋ม

โรคอกบุ๋ม หรือเรียกว่า Pectus Excavatum (Funnel chest) เป็นความผิดรูปของผนังทรวงอกที่พบบ่อย ในคนทั่วไป ส่งผลทำให้บุคลิกภาพหรือความมั่นใจเสียไป โดยความผิดปกตินี้อาจพบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่น โดยโรคนี้เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของกระดูกอ่อนที่เชื่อมกับกระดูกหน้าอกและกระดูกซี่โครง ส่งผลทำให้หน้าอกเกิดการยุบตัว โดยผู้ป่วยมักไม่มีอาการ แต่ในกรณีที่ภาวะนี้มีความผิดปกติอย่างรุนแรง อาจส่งผลทำให้มีอาการกดเบียดหัวใจและปอดได้ ในบางรายอาจมีการกดเบียดลิ้นหัวใจทำให้ลิ้นหัวใจรั่วและมีอาการเหนื่อยง่าย บางรายอาจมีภาวะร่วมอย่างอื่นได้เช่นกระดูกสันหลังคด หรือภาวะจากยีนผิดปกติ เช่น Marfan syndrome ได้ ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย จากคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวว่าโรคนี้ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด พบอัตราส่วนการเจ็บป่วย 1 ต่อ 1,000 คนและมักเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง 3-4 เท่าและอาจเจอกระดูกสันหลังคดร่วมด้วยวิธีการวินิจฉัยมักทำได้โดยการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT chest) เพื่อดูสัดส่วนความกว้างยางของบริเวณทรวงอก หรือ ที่เรียกว่า Haller index  ถ้ามีอัตราส่วนมากกว่า 2.5 ถือว่ามีความผิดปกติ ปัจจุบันวิธีการรักษาโรคนี้ รักษาได้ทั้งผ่าตัด...

แพทย์และนักวิชาการห่วงกระแสเครื่องดื่มแนวใหม่ อินเทรนด์แต่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

เช็คด่วน! น้ำตาล โซเดียมสูงเกิน แพทย์และนักวิชาการห่วงกระแสเครื่องดื่มแนวใหม่ อิ๊วโซดา โคล่าเติมเกลือ กาแฟเติมเกลือ ถึงแม้จะอินเทรนด์แต่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เผยเครื่องดื่มเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เป็นกระแสในโซเชียล ไม่ควรบริโภคเค็มเกินความพอดี  รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็มกล่าวว่า เครื่องดื่มเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เป็นกระแสในโซเชียลมีเดียในขณะนี้ อย่างเช่น อิ๊วโซดา โคล่าเติมเกลือ กาแฟเติมเกลือ ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้มีโซเดียมสูงตั้งแต่ 200-600 มิลลิกรัมต่อแก้วทีเดียว คิดเป็น 10-30% ของความต้องการโซเดียมต่อวันของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันคนไทยก็กินเกลือโซเดียมสูงเกินความต้องการของร่างกายเกือบ 200% จากการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว และนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจ และอัมพาต มากกว่า 20 ล้านคนในไทย นอกจากนี้เครื่องดื่มเหล่านี้มักมีน้ำตาลสูง ยังนำไปสู่โรคอ้วน เบาหวาน ดังนั้นการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นประจำ ย่อมมีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะเด็ก และวัยรุ่น...

หมดกังวลเมื่อต้องผ่าตัดปอด

ในภาวะปัจจุบันการบริหารจัดการเรื่องฝุ่นPM 2.5 เป็นปัญหามลภาวะเป็นพิษในระดับประเทศ ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นปัญหาทางสังคมไม่ด้อยไปกว่าการสูบบุหรี่หรือสูบบุหรี่ไฟฟ้าเลย ส่งผลทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ โดยเฉพาะมีผู้ป่วยป่วยเป็นภาวะโรคทางปอดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นโรคปอดติดเชื้อ ไอเรื้อรัง หอบหืดหรือมะเร็งปอด พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยโรคปอดต้องได้รับการผ่าตัดเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย  สำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดปอด มักเกิดความวิตกกังวลว่าจะหายใจได้มั้ย ปอดจะสร้างใหม่ได้หรือไม่และแผลที่ผ่าตัดจะเจ็บมากมั้ย ซึ่งในปัจจุบันวิธีการผ่าตัดปอดสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัดผ่านกล้อง ทำให้แผลมีขนาดเล็กมากและสามารถลดผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นไม่ต้องกังวลกับการผ่าตัดอีกต่อไป โดยก้อนในปอดหรือจุดที่ปอดเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยจากการตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย เนื่องจากปอดมีเนื้อที่ขนาดใหญ่ ดังนั้นเวลาเกิดจุดเล็ก ๆ หรือใหญ่ขึ้นมา ผู้ป่วยมักจะไม่มีการแสดงอาการ โดยจุดที่ปอดนั้นอาจเป็นได้ทั้งเนื้องอกชนิดที่ไม่เป็นมะเร็งและเป็นมะเร็งปอด หรือโรค วัณโรค ซึ่งหลักการพิจารณาผ่าตัดปอดเป็นหนึ่งในการรักษาและสามารถวินิจฉัยโรคได้ โดยการผ่าตัดปอด ผู้ป่วยจะได้รับการผ่าตัดก้อนออกโดยการดมยาสลบ โดยวิธีการผ่าตัดปอดนั้นจะตัดออกแค่ก้อนหรือทั้งกลีบ ขึ้นกับชนิดของก้อนเนื้อและตัวโรคตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา ความเสี่ยงของการผ่าตัดปอดเมื่อผู้ป่วยจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดปอดคำถามที่ถูกถามเสมอคือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการผ่าตัดโดยความเชื่อที่ว่าหลังจากผ่าแล้วจะจะหายใจได้หรือไม่ สาเหตุเนื่องจากปอดเป็นอวัยวะสำคัญหลักที่ทำหน้าที่หายใจ โดยปอดประกอบด้วยถุงลมปริมาณหลายล้านถุงลม การที่เราตัดปอดบางส่วนมักไม่มีผลกระทบต่อการหายใจ แต่อย่างไรก็ตามก่อนผ่าตัดทุกครั้งควรต้องมีการประเมินสมรรถภาพปอด (Pulmonary function test) เพื่อทดสอบว่าเราสามารถทนการตัดปอดได้มากน้อยขนาดไหน สำหรับภาวะแทรกซ้อนอื่น เช่น ภาวะเลือดออกจากแผลผ่าตัด...
Social profiles