เอสซีจี ทุ่มงบร่วมมือองค์กรชั้นนำด้านนวัตกรรมไทย-จีน หวังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออนาคต

Read Time:4 Minute, 6 Second

การสร้างสรรค์ “นวัตกรรม” ใหม่ ๆ ซึ่งช่วยตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค รวมถึงช่วยพัฒนาทั้งมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ก้าวไปอย่างยั่งยืน เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ เช่นเดียวกับ “เอสซีจี” ที่ทุ่มงบวิจัยและพัฒนานวัตกรรมไปกว่า 4,674 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยเห็นว่าการสร้างความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ จะช่วยเสริมศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรม ให้มีสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วภูมิภาคอาเซียนได้อย่างรวดเร็วและตรงจุดยิ่งขึ้น

นายรุ่งโรจน์ รังสิโอภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี และ CAS เริ่มต้นร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผ่าน CAS ICCB การร่วมมือกับสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีนครั้งนี้ จะนำเอสซีจีไปสู่การพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมสินค้าและบริการ เพื่อสร้างประโยชน์ให้ทั้งสององค์กร และเป็นประโยชน์อย่างมากต่อลูกค้าทั้งภูมิภาครวมทั้งไทยด้วย

ดร.เจียง เปียว ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมและความร่วมมือ (กรุงเทพ) สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน กล่าวว่า CAS ICCB เป็นหนึ่งในสำนักงานต่างประเทศ 9 สาขาของ CAS ที่มีบทบาทสำคัญในการแสวงหาความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำต่าง ๆ ในแต่ละประเทศ เพื่อถ่ายทอดผลงานทางวิทยาศาสตร์ของ CAS ที่มีสถาบันวิจัยมากกว่า 100 แห่งในจีน นักวิจัยและทีมงานกว่า 70,000 คน เครือข่ายนักวิทยาศาสตร์ระดับเมธีวิจัยอาวุโสกว่า 800 คน และมหาวิทยาลัยในสังกัด 3 แห่ง จึงเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของทั้งจีนและไทย 

5 แนวทางยกระดับการสร้างสรรค์นวัตกรรมภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม คือ 1.) เมืองอัจฉริยะ 2.) ปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ 3.) เคมีภัณฑ์มูลค่าสูง 4.) ธุรกิจพลังงานใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียน หรือระบบกักเก็บพลังงาน และ 5.) สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน  โดยประกอบด้วย 5 แนวทางในการสร้างความร่วมมือ ได้แก่

1.) การจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือ “SCG-CAS ICCB Innovation Hub” โดยพัฒนา Open Innovation Center ของเอสซีจีบางส่วน ณ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งในการสร้างความร่วมมือกับภายนอก ให้เป็นพื้นที่สำหรับการจัดแสดงผลงานนวัตกรรม การจัดประชุมสัมมนาทางวิชาการ พื้นที่ห้องทดลองเพื่อทำวิจัยและพัฒนา และพื้นที่สำนักงาน ทั้งสำหรับการพัฒนานวัตกรรมร่วมกันระหว่างเอสซีจีกับ CAS และสำหรับนักวิจัยจาก CAS นอกจากนี้ ยังเปิดกว้างสำหรับการบ่มเพาะธุรกิจและการทดลองเชิงพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพจากจีนที่มีศักยภาพและสนใจมาทำธุรกิจในอาเซียนร่วมกับเอสซีจี ทั้งในรูปแบบของการให้คำปรึกษา การทำโครงการร่วมกัน หรือการทดลองใช้นวัตกรรมเพื่อขยายตลาด

2.) การนำเทคโนโลยีที่พัฒนาแล้วเบื้องต้นมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับไทย ผ่านการถ่ายทอดและอนุญาตให้ใช้สิทธิในเทคโนโลยี ทั้งในรูปแบบของการนำเทคโนโลยีที่ CAS หรือเครือข่ายสตาร์ทอัพของ CAS มีอยู่มาประยุกต์ใช้ในด้านอื่นหรือพัฒนาเป็นโซลูชันใหม่ของเอสซีจี และการขออนุญาตใช้สิทธิในเทคโนโลยีหรือทรัพย์สินทางปัญญาของ CAS ที่มีความจำเพาะเพื่อนำมาพัฒนานวัตกรรมต่อไป เช่น การนำเทคโนโลยี sensor / IoT ของ CAS มาสร้างเป็นโซลูชันต่าง ๆ ของเอสซีจี เช่น Smart building หรือ Plant reliability monitoring เป็นต้น

3.) การร่วมวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละกลุ่มธุรกิจของเอสซีจี โดยนักวิจัยจากแต่ละกลุ่มธุรกิจของเอสซีจี กับ CAS

4.) การเป็นแหล่งบ่มเพาะเพื่อพัฒนาบุคลากรของไทยและจีน ผ่านการอบรมเฉพาะทาง การศึกษาขั้นสูง หรือการเรียนในหลักสูตรระยะสั้น ทั้งในรูปแบบของการแบ่งปันความรู้ในหัวข้อเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมด้านต่าง ๆ และการจัดเวิร์คช็อปในเรื่องที่น่าสนใจ โดยผู้เชี่ยวชาญจากเอสซีจี หรือ CAS หรือเครือข่ายความร่วมมืออื่น ๆ

5.) การสร้างความร่วมมือด้านการลงทุน เพื่อแสวงหาโอกาสในการลงทุนในกองทุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์สูงในจีน หรือศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งหมดนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือสำคัญของภาคเอกชนไทยและสถาบันด้านการวิจัยชั้นนำของจีน ที่จะช่วยให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่การต่อยอดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนสร้างโอกาสทางธุรกิจต่าง ๆ ระหว่างไทยและจีนอย่างแท้จริง

ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ของเอสซีจีได้ที่ http://scgnewschannel.com / Facebook: scgnewschannel / Twitter: @scgnewschannel หรือ Line@: @scgnewschannel

Previous post “สื่อโฆษณาในห้าง” โตต่อเนื่อง เทรนด์ที่คนยุคดิจิทัลต้องรู้
Next post ประเคน ศอก หมัด กันไม่ยั้ง หนุ่มๆ เดอะเฟซเมน 3 อ่วม!!!
Social profiles