มหกรรมฟุตบอลโลก 2022 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่เดือนแล้ว เรากำลังจะได้เห็นนักฟุตบอล 736 คนและทีมฟุตบอลประจำชาติที่ดีที่สุด 32 ทีมจาก 5 สมาพันธ์ฟุตบอลทั่วโลกมารวมตัวกันในประเทศอาหรับเพื่อชิงชัยในรายการแข่งขันกีฬาที่ทรงเกียรติที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก โดยก็จะมีทั้งทีมแชมป์เก่าอย่างทีมชาติฝรั่งเศส ทีมตัวเต็งอย่างทีมชาติบราซิล ทีมชาติอังกฤษ หรือทีมชาติสเปน แต่สิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์และสีสันประจำฟุตบอลโลกทุกครั้ง ก็คือ ทีมม้ามืด อย่างเช่นทีมชาติโครเอเชียในปี 2018 และทีมชาติคอสตาริกาในปี 2014 สำหรับปี 2022 นี้ก็มีทีมม้ามืดที่น่าจับตามองทั้งหมด 5 ทีมด้วยกัน เรามาทำความรู้จักกับทีมชาติเหล่านี้กันเลย หรือถ้าหากผู้อ่านท่านไหนอยากจะอ่านคำทำนายผลบอลโลก 2022 ก็สามารถอ่านได้ที่นี่
1.ทีมชาติเซเนกัล
เจ้าของฉายาสิงโตแห่งเทรังก้าและถ้วยแชมป์แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2021 พร้อมจะเขียนตำนานบทที่สองในเวทีฟุตบอลโลกอีกครั้ง หลังจากที่เคยผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในปี 2002 ด้วยการผ่านด่านของเดนมาร์ก อุรุกวัย และแชมป์เก่าในตอนนั้นอย่างฝรั่งเศสมาได้ในรอบแบ่งกลุ่ม ต่อด้วยการเอาชนะสวีเดนในช่วงต่อเวลาพิเศษ รอบ 16 ทีมสุดท้าย และแพ้ตุรกีในที่สุด โดยทีมชุดนี้ถือได้ว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์เซเนกัลจนถึงตอนนี้ ด้วยผลงานชนะ 6 เสมอและแพ้อย่างละ 1 จาก 8 เกม ยิงได้ 16 ประตูและเสียเพียง 5 ประตูเท่านั้น เชื่อได้ว่าการนำทัพของสองนักเตะที่ได้ชูถ้วยแชมป์เปี้ยนส์ลีกมาแล้วอย่างซาดิโอ มาเน่และเอดูอาร์ด เม็นดี้ รวมถึง คาลิดู คูลิบาลี่, อิดริสซา เกย์, และอิสไมล่า ซารร์จะทำให้เซเนกัลเป็นทีมที่น่าจับตาทีมหนึ่งเลย
2.ทีมชาติแคนาดา
หวนคืนสู่เวทีฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 35 ปีสาหรับทีมชาติแคนาดา ที่นำทัพมาโดยจรวดทางเรียบจากบาเยิร์น มิวนิค อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์, กองหน้าแชมป์ลีกเอิงอย่างโจนาธาน เดวิด, และดาวซัลโวประจำรอบคัดเลือก อย่างไคล์ ลาริน โดยทีมชาติแคนาดาผ่านเข้ารอบมาเล่นฟุตบอลโลกในฐานะทีมที่ดีที่สุดในโซนคอนคาเคฟ ด้วยผลงานชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 2 ยิงได้ 23 และเสียเพียง 7 ประตู แคนาดาไม่ได้ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกนับตั้งแต่สมัยที่ดิเอโก้ มาราโดน่ายังอยู่ในช่วงพีค และเต็มไปด้วยนักเตะที่เรา เราคอบอลยุโรปอาจจะไม่คุ้นหน้าค่าตากันเท่าไรนัก จึงถือเป็นทีมที่น่าจับตามองที่สุดในบรรดาม้ามืดเลยทีเดียว
3.ทีมชาติเบลเยียม
เชื่อว่าทีมชาติเบลเยียมคงไม่อยากจะมาปรากฎตัวอยู่ในรายชื่อทีม “ม้ามืด” ประจำฟุตบอลทัวร์นาเมนต์นานาชาติเต็มทีแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าเบลเยียมจะไม่เคยมีดวงเลยซักที ไม่ว่าจะเป็นการแพ้ฝรั่งเศสในฟุตบอลโลก 2018 (แต่ก็คว้าอันดับ 3 มาได้) และเนชั่นส์ ลีก 2021 หรือการแพ้อิตาลีในศึกยูโร 2020 แต่ก็มองจากอีกมุมได้ว่าเบลเยียมจะแพ้แต่ทีมที่เป็นแชมป์เท่านั้น เพราะฉะนั้น ก็ถือเป็นทีมที่ยังคงสามารถรักษามาตรฐานที่สูงได้ตลอดแม้ว่านักเตะในทีมที่ถือเป็น “ยุคทอง” จะเริ่มโรยรากันไปบ้างเเล้ว แต่ก็คงไม่สามารถพูดว่าทีมที่มีเควิน เดอ บรอยน์, ธิโบต์ กูร์กตัวส์, หรือยูริ เตเลมองส์ จะทำผลงานน่าผิดหวังได้เลย โดยเฉพาะเมื่อดูจากผลงานชนะ 6 เสมอ 2 ไร้พ่าย ยิงได้ 25 และเสียเพียง 6 ประตูในรอบคัดเลือก
4.ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์
ตามมาด้วยทีมพลังบวก “สวิตเซอร ์ แลนด์ ” ที่ทำผลงานในยูโร 2020 ได้อย่างน่าจดจำ โดยการไล่ตีเสมอทีมแชมป์ โลกอย่างฝรั่งเศสได้ 3-3 และเอาชนะไปได้จากการดวลจุดโทษก่อนจะแพ้ทีมชาติสเปนในการดวลจุดโทษอีกครั้งในรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกนั้น สวิตเซอร์แลนด์ต้องอยู่ร่วมกลุ่มกับอิตาลี เจ้าของตำแหน่งแชมป์ยูโร 2020 ซึ่งสวิตเซอร์แลนด์ก็ทำผลงานได้ดีกว่าอิตาลีอย่างน่าเหลือเชื่อ ชนะ 5 เสมอ 3 และไร้พ่าย เก็บได้ 18
แต้มซึ่งมากกว่าอิตาลีอยู่ 2 แต้ม แน่นอนว่าดาราดังประจำทีมจากเทือกเขาแอลป์ก็ต้องเป็นยานน์ ซอมเมอร์ จอมเซฟจุดโทษ, เซอรด์าน ชากิรี่ เเชมป์พรีเมียร์ลีกและเเชมป์เปี้ยนลีก, และกรานิต ชาก้า มิดฟิลด์สายพันธุ์โหด
5.ทีมชาติเดนมาร์ก
ปิดท้ายด้วยทีมชาติแดงขาว “เดนมาร์ก” ที่ทำผลงานในรายการระดับนานาชาติได้ดีมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปยังรอบ 16 ทีมสุดท้ายและแพ้รองแชมป์โลกอย่างโครเอเชีย ในการดวลจุดโทษ ก่อนจะเข้า ถึงรอบตัดเชือกยูโร 2020 และแพ้รองแชมป์อย่างอังกฤษในช่วงต่อเวลาพิเศษ ผลการแข่งขันในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมาก็ถือว่าสุดยอด โดยทำผลงานชนะ 9 แพ้ 1 ยิงได้ถึง 30 ประตูและเสียเพียง 3 ประตู โดยนัดที่แพ้ก็คือการแพ้หลังจากที่ผ่านเข้ารอบไปแล้ว และ 3 ประตูที่เสียก็เป็นการเสียใน 2 นัดสุดท้าย นอกจากนี้สตาร์ดังอย่างแคสเปอร ์ชไมเคิล, คริสเตรียน เอริคเซ่น, และซิโมน แคร์ ก็เป็นจอมทัพมากประสบการณ์ที่พร้อมจะนำพาทีมเลือดใหม่ไฟแรงไปสู่ความสำเร็จและชื่อเสียงอย่างแน่นอน
