มหาวิทยาลัยศรีปทุมเปลี่ยนชื่อคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ใหม่เป็น “คณะการออกแบบและสถาปัตยกรรมศาสตร์” มุ่งสร้างบัณฑิต Talentตอบโจทย์อุตสาหกรรมในอนาคตที่มีความหลากหลาย และปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว มีจุดแข็งในกระบวนการคิด และการออกแบบที่ใช้ Design Thinking ตอบโจทย์ความต้องการตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ เผยทักษะ ด้านดีไซน์ คือรากฐานสำคัญในการทำงาน คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่เพื่อก้าวข้ามทุกวิกฤตและการเปลี่ยนแปลง ชี้ชัดธุรกิจและองค์กรที่ก้าวข้ามวิกฤติดิจิทัลดิสรัปชั่น โควิดดิสรัปชั่น ล้วนมีบุคลากรหรือหน่วยงาน ที่มีนักนวัตกรรมการออกแบบที่มีพื้นฐานของ Design Thinking เป็นแรงขับเคลื่อน ชูจุดเด่นหลักสูตรใหม่ปี 2566 นวัตกรรมการออกแบบ Design Innovation ผสานองค์ความรู้ที่สำคัญและจำเป็นครบทุกมิติ ความเข้าใจมนุษย์ การรู้จักประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ การบริหารและจัดการด้านการตลาด สอนครบทั้งการดีไซน์ Product, Process, Service Design, Business Model เรียน 3 ปี ทำงานร่วมกับธุรกิจ และอุตสาหกรรมจริง 1 ปี การันตรี จบพร้อมเป็น Talent ขององค์กร และธุรกิจ หรือเป็นสตาร์ทอัพ สร้างธุรกิจส่วนตัว ตั้งเป้าสร้างบุคลากรตามนโยบายรัฐบาล สร้างคนให้ตรงกับงานตอบโจทย์ความต้องการทุกอุตสาหกรรม รับเทรนด์ Creative Economy ที่มีทิศทางเติบโตในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง อาจารย์ธีรบูลย์ พิศาลอภิพงศ์ คณบดีคณะการออกแบบและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เผยว่า การเปลี่ยนเป็นชื่อ คณะการออกแบบและสถาปัตยกรรมศาสตร์ แทนชื่อเดิมคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และมาพร้อมหลักสูตรใหม่ Design Innovation ด้วยจุดแข็งในการมุ่งสร้าง Talent ผ่านการปลูกฝังรากฐาน Design Thinking ทักษะด้านการออกแบบ ที่มาพร้อมความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการ เพื่อปรับเปลี่ยน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้เท่าทันโลก พร้อมช่วยเพิ่มมูลค่าธุรกิจ ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มธุรกิจส่วนตัว ธุรกิจสตาร์ทอัพขนาดเล็ก ตลอดจนองค์กรขนาดใหญ่ โดยตลาดแรงงานในยุค Creative Economy ทั้งในและต่างประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และมีวิกฤตหลากหลายรูปแบบเข้ามาดิสรัปชั่น ส่งผลให้หลายธุรกิจเผชิญกับความท้าทายอยู่ตลอดเวลา และจะรวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนธุรกิจที่ไม่สามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ทางธุรกิจของตนเองได้ อาจจะไปต่อได้ยากในระยะเวลาอันสั้นนี้ในยุคดิจิทัลดิสรัปชั่น และยุคโควิดดิสรัปชั่นหลายธุรกิจล้มและปิดกิจการไปจำนวนมากเพราะไม่สามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้ ในขณะที่มีบางธุรกิจสามารถปรับตัวเติบโตและอยู่รอดได้ จากการศึกษาข้อมูลและทำงานกับหลายอุตสาหกรรมพบว่า ธุรกิจหรือองค์กรที่ปรับตัวได้ล้วนมีคนหรือหน่วยงานด้าน Design thinking นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มโมเดลธุรกิจคนรุ่นใหม่อย่างสตาร์ทอัพที่เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยแกนหลักบนโมเดลธุรกิจก็ล้วนมาจากรากฐานของ Design thinking ที่ผ่านการศึกษาพฤติกรรม วิเคราะห์ ความเข้าใจคน สู่การดีไซน์แผนธุรกิจ ผสมผสานกับนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการของยุคสมัย เพราะโจทย์หลักของสตาร์ทอัพคือการค้นหาโซลูชันใหม่ ๆ...