ต้นกล้าตากล้องท่องป่า“กุยบุรี” ซาฟารีเมืองไทย

Read Time:6 Minute, 0 Second

ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้รับการเชิญชวนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)และบริษัท มิราเคิล ดรีม(ไทยแลนด์) เข้าร่วมโครงการต้นกล้าตากล้อง….ท่องเที่ยวไทยครั้งที่21เดินทางไปยัง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
สำหรับการจัดโครงการในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทย 2558 และให้ความรู้ในเรื่องการถ่ายภาพแก่เยาวชนและนักเรียนในจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศไทยโดยผ่านทางภาพถ่ายอาทิเช่นภาพวิถีชีวิต,วัฒนธรรม,ประเพณีไทยและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อปลูกจิตสำนึกนักเรียนและเยาวชนให้เกิดความรักและหวงแหนวัฒนธรรมประเพณี, วิถีชีวิตแบบไทยๆและธรรมชาติในท้องถิ่นของตนเอง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมความรู้ในเรื่องการถ่ายภาพให้แก่นักเรียนและเยาวชนอีกด้วย

เหล่าเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการต้นกล้าตากล้องครั้งที่21 นั่งฟังวิทยากรบรรยายเรื่องถ่ายภาพ

สำหรับโครงการต้นกล้าตากล้อง….ท่องเที่ยวไทยในครั้งนี้ได้ถูกจัดขึ้นที่โรงเรียนยางชุมวิทยา ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์โดยมีนักเรียนและเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จำนวน 35 คนด้วยกัน ในส่วนของกิจกรรมในตอนเช้าเริ่มต้นขึ้นด้วยการเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในการถ่ายภาพคือคุณจีรณัทย์ แพทย์อุดม ช่างภาพแห่ง zeekway.com ร่วมเดินทางมาให้ความรู้และเทคนิคในการถ่ายภาพอย่างไรให้สวยแก่นักเรียนและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้อีกด้วย
หลังจากนั้นในช่วงบ่ายเหล่าวิทยากรก็นำพานักเรียนและเยาวชนออกถ่ายรูปภาคสนามตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆภายในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

เหล่าเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯนั่งรถพ่วงถ่ายภาพธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

05.1อุทยานแห่งชาติกุยบุรีตั้งอยู่ หมู่ที่ 9 บ้านย่านซื่อ ตำบล หาดขาม อำเภอ กุยบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่อำเภอปราณบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีคุณค่า เช่น พันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ตลอดจนทิวทัศน์ที่สวยงาม เพื่อให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิม มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์แก่การศึกษา และรื่นรมย์ของประชาชน มีเนื้อที่ 605,625 ไร่ หรือ 969 ตารางกิโลเมตร

เยาวชนและนักเรียนโรงเรียนยางชุมวิทยา กำลังนั่งฟังเจ้าหน้าที่อุทยานฯให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

06สำหรับประวัติความเป็นมาอุทยานแห่งชาติกุยบุรีจากสถานการณ์ป่าไม้ในปัจจุบันพบว่า พื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายจนน่าวิตกว่าจะมีปริมาณไม่เพียงพอที่จะรักษาสภาพสมดุลธรรมชาติเอาไว้ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดกรณีอันน่าสลด หากไม่เร่งดำเนินการรักษาสภาพธรรมชาติเอาไว้ ดังนั้น กรมป่าไม้จึงมีคำสั่ง ที่ 475/2532 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2532 ให้ นายจุมพล เจริญสุขพาณิชย์ เจ้าพนักงานป่าไม้ 4 กองอุทยานแห่งชาติไปดำเนินการสำรวจเบื้องต้นที่ป่าบริเวณวนอุทยานปราณบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองเก่า-คลองคอย และกรมป่าไม้มีคำสั่ง ที่ 1627/2532 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2532และ ให้นายสรรเพชร ราคา เจ้าพนักงานป่าไม้ 5 กองอุทยานแห่งชาติ ไปดำเนินการสำรวจเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการจัดตั้งพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 โดยให้ทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรีไปด้วย

07ผลการสำรวจพบว่า สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน เป็นป่าผืนใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตกติดต่อกับชายแดนพม่า เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ประกอบด้วยป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ หนาแน่นด้วยพันธุ์ไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจมากมาย เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด ซึ่งราษฎรได้บุกรุกพื้นที่ใช้ในการเพาะปลูก ส่วนใหญ่ทำไร่สับปะรด และใช้เป็นที่อยู่อาศัย กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จึงได้เสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติซึ่งมีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2537 สมควรกำหนดพื้นที่ป่ากุยบุรีให้เป็นอุทยานแห่งชาติ จากนั้นกรมป่าไม้จึงได้ดำเนินการเพิกถอนป่ากุยบุรี และดำเนินการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทั้งหมด 605,625 ไร่ โดยได้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินป่ากุยบุรี ในท้องที่ตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี ตำบลศิลาลัย ตำบลศาลาลัย ตำบลไร่เก่า ตำบลไร่ใหม่ อำเภอสามร้อยยอด ตำบลหาดขาม ตำบลสามกระทาย ตำบลกุยบุรี อำเภอกุยบุรี และตำบลบ่อนอก ตำบลอ่าวน้อย ตำบลเกาะหลัก ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนที่ 20ก วันที่ 25 มีนาคม 2542 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 90 ของประเทศไทย

09ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติกุยบุรีเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมโขลงช้างป่าและกระทิงตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. ทุกวัน โดยได้จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้วันละไม่เกิน 280 คน เพื่อรักษาธรรมชาติสภาพแวดล้อม และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการดูแลความปลอดภัย จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ไม่มีการจำกัดจำนวน โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเป็นกลุ่มหรือเดินทางมาส่วนตัวจะต้องใช้รถยนต์ของชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กุยบุรี ในอัตราเหมาจ่ายคันละ 850 บาทต่อนักท่องเที่ยว 8 คนผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานฯกุยบุรี โทร. 0-3264-6292

นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอืยดข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆซึ่งเชื่อมโยงกับอุทยานฯกุยบุรี รวมทั้งที่พัก ร้านอาหารและการเดินทางได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0-3251 3885, 0-3251-3871

ฝูงช้างกำลังออกหากินในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

12หลังจากให้นักเรียนทั้ง 35 คนทดสอบถ่ายภาพในภาคปฎิบัติกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนั้นในเช้าของวันรุ่งขึ้นจึงพาเหล่าเยาวชนและนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ เดินทางกลับมายังโรงเรียนยางชุมวิทยา ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้คณะกรรมการทำการตัดสินภาพถ่ายที่เหล่านักเรียนส่งเข้าประกวดหลังจากที่คณะกรรมการได้ทำการพิจารณาภาพถ่ายพร้อมตัดสินภาพที่ได้รับรางวัลจากนั้นได้ทำการมอบรางวัลชนะเลิศและรางวัลที่ 1, 2, 3 ให้กับเหล่าเยาวชนนักเรียนตามลำดับสร้างความประทับใจให้กับเหล่านักเรียนและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้เป็นอย่างมากพร้อมกับปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนรักและหวงแหนธรรมชาติ,วัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตแบบไทยๆในถิ่นฐานที่อยู่ของตนเองอีกด้วย

 เยาวชนทั้งสามคนที่ชนะเลิศการประกวดถ่ายภาพ

13สำหรับโครงการต้นหญ้าตากล้อง….ท่องเที่ยวไทยได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนโดยในครั้งที่22 จะจัดขึ้นที่โรงเรียนในอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก โรงเรียนใดสนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยถนนเพชรบุรีตัดใหม่และบริษัท มิราเคิล ดรีม(ไทยแลนด์)โทรศัพท์ 080-557-1976

ขอขอบคุณผู้ที่สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้
– การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบริษัท มิราเคิล ดรีม(ไทยแลนด์)

ขอขอบคุณผู้เอื้อเฟื้อข้อมูล คุณสุเทพ พวงมะโหด

Previous post เที่ยวเมืองขนมหวานเพชรบุรี….ดีจัง
Next post เปิดประตูสู่ AEC ท่องเที่ยวบนเส้นทาง กาญจนบุรี- ทวาย
Social profiles