เอสซีจี ปักธงสร้างสังคม Net Zero ด้วยนวัตกรรมกรีน มุ่งสู่องค์กรคล่องตัว-เปิดพื้นที่ปล่อยแสง-เสิร์ฟโซลูชันลูกค้าฉับไวยิ่งขึ้น

Read Time:5 Minute, 59 Second

เอสซีจี เผยภารกิจก้าวต่อไป โดยกรรมการผู้จัดการใหญ่คนล่าสุด ย้ำเดินหน้า สร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตอย่างยั่งยืน แก้วิกฤตโลกเดือด มุ่งสู่ยอดขายนวัตกรรมกรีน ร้อยละ 67 ในปี 2573 พร้อมตอบโจทย์ลูกค้ารวดเร็วและหลากหลายทั้งอาเซียนและโลก ด้วยแนวคิด ‘Passion for Inclusive Green Growth’ ผ่าน 4 เครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนองค์กร 1) องค์กรคล่องตัว 2) นวัตกรรมกรีน 3) องค์กรแห่งโอกาส 4) ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี คนล่าสุด ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 แถลงทิศทางและความมุ่งมั่นของธุรกิจว่า “อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างมาก กระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม การดำรงชีวิตของผู้คน และเศรษฐกิจโลก การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) จึงเป็นภารกิจที่ทุกคนต้องเร่งมือ ซึ่งสอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลกที่ผู้บริโภคต่างต้องการสินค้า บริการ โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยกู้โลกเดือด จึงนำมาสู่โจทย์หลักของเอสซีจีต่อจากนี้ ที่จะมุ่งสร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมกรีน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือแนวคิด ‘Passion for Inclusive Green Growth’ ผ่าน 4 เครื่องยนต์หลัก ประกอบด้วย 

1) องค์กรคล่องตัว ยืดหยุ่น (Agile Organization) ทรานส์ฟอร์มโครงสร้าง สร้างความคล่องตัว ดันธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง เพื่อขยายขีดความสามารถของแต่ละธุรกิจให้พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างทันท่วงที และความผันผวนของสถานการณ์โลก ประกอบด้วยธุรกิจ เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน’ธุรกิจวัสดุและโซลูชันก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ‘เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง’ ธุรกิจนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง และโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่า ‘เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล’ ธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยระดับอาเซียน ‘เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือSCGC’ ผู้นำตลาดเคมีภัณฑ์ครบวงจรระดับภูมิภาค ซึ่งมุ่งเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับความยั่งยืน เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่’ ธุรกิจพลังงานสะอาดครบวงจรที่กำลังขยายไปในอาเซียน โดยก่อนหน้านี้ได้ผลักดันธุรกิจในเอสซีจีที่มีศักยภาพสูง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปแล้วอย่าง ‘บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP’ ผู้นำบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ‘บริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดีโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือSCGJWD’  ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนครบวงจรรายใหญ่สุดในอาเซียน และ‘บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD’ ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ครบวงจรระดับอาเซียน นอกจากนั้นยังมุ่งสร้างการเติบโตด้วย ‘การลงทุน (Investment & Holding)’ รวมทั้ง ‘เทคโนโลยีขั้นสูงและดิจิทัล (Deep Technology & Digital)’

2นวัตกรรมกรีน (Green Innovations) เร่งพัฒนานวัตกรรม โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นที่ต้องการสูงของตลาดโลก ให้ทุกคนมีส่วนร่วมสร้างสังคม Net Zero เช่น นวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำ สมาร์ทโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัย พลาสติกรักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ยั่งยืนที่ใช้ซ้ำ รีไซเคิลได้ พลังงานสะอาดครบวงจร พร้อมขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการวิจัยระดับโลกเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน อาทิ ‘Norner AS’ศูนย์วิจัยและพัฒนาพลาสติก ประเทศนอร์เวย์ และ ‘มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด’ ประเทศอังกฤษ โดยตั้งเป้ารายได้จากนวัตกรรมรักษ์โลก SCG Green Choice ร้อยละ 67 จากยอดขายทั้งหมด ภายในปี 2573 พร้อมทั้งพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำ ตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593 (Net Zero 2050) ปัจจุบันคืบหน้าตามแผน

3) องค์กรแห่งโอกาส สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ (Organization of Possibilities)เปิดโอกาสให้พนักงานปล่อยแสงสร้างสรรค์นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านโครงการสตาร์ทอัพในเอสซีจี อาทิ พัฒนาแพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าออนไลน์  ‘Prompt Plus’ ยกระดับการบริหารจัดการต้นทุนและสต๊อกสินค้าให้แก่ร้านค้ารายย่อยกว่า 10,000 รายในเครือข่ายเอสซีจี การบ่มเพาะสตาร์ทอัพในโครงการ ZERO TO ONE by SCG สร้างโอกาสให้พนักงานก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการ ปั้นธุรกิจศักยภาพสูงมากมาย เช่น ‘Dezpax.com’ แพลตฟอร์มออนไลน์แพคเกจจิ้งครบวงจรรายแรกในไทย สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ฟู้ดเดลิเวอรี่ และคาเฟ่ ในการสร้างแพคเกจจิ้งเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองในจำนวนน้อย ราคาเหมาะสมกับ SMEs  ซึ่งเติบโตกว่าร้อยละ 300 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ยอมรับจากผู้ประกอบการกว่า 10,000 รายทั่วประเทศ และ ‘Urbanice’ แพลตฟอร์มสื่อสาร บริหารจัดการ สำหรับชุมชนที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียมและหมู่บ้าน เพื่อการอยู่อาศัยแบบสมาร์ท สะดวก และมีความสุข มีผู้ใช้งานกว่า250,000 คน ใน 850 โครงการทั่วประเทศ ตลอดจนสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ตอบเทรนด์อนาคต ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนภายนอกเอสซีจี เช่น ‘NocNoc’ ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ ที่กำลังขยายธุรกิจทั้งในไทยและอาเซียน   

4) ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Inclusive Society) ชวนทุกคนในห่วงโซ่คุณค่า (Supply Chain) เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำไปพร้อมกัน ด้วยการผลักดัน ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย’ เพื่อเรียนรู้ปัจจัยความสำเร็จ ข้อจำกัดในการเปลี่ยนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และส่งเสริม ‘การเกษตรคาร์บอนต่ำ’ เช่น การทำนาเปียกสลับแห้งและการปลูกพืชพลังงานอย่างหญ้าเนเปียร์ เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน พร้อมทั้งสร้างเครือข่าย ‘Big Brothers for SMEs’ ใน จ.สระบุรี เพื่อส่งต่อความรู้ให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ทั้งด้านพลังงานสะอาด นวัตกรรมรักษ์โลก การหาแหล่งเงินทุน ตลอดจน ‘พัฒนาทักษะอาชีพที่ตลาดต้องการ’ 50,000 คน ในปี 2573 ยกระดับแรงงานไทย มีอาชีพมั่นคง ลดเหลื่อมล้ำ เช่น ช่างติดตั้งและทำความสะอาดหลังคาโซลาร์ และนักเขียนแบบโดยใช้โปรแกรม BIM (Building Information Modelling) รวมทั้งจับมือกับชุมชน ‘ดูแลระบบนิเวศให้อุดมสมบูรณ์และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ’ ผ่านโครงการรักษ์ภูผามหานที มุ่งสู่เป้าหมายปลูกต้นไม้ 1.5 ล้านไร่ในปี 2593 ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 2 ล้านตันต่อปี ส่งต่อความยั่งยืนให้คนรุ่นต่อไป”

เอสซีจี พร้อมนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี มาเร่งพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบาย ปลอดภัย ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เพื่อให้ทุกคนทั้งอาเซียนและระดับโลกมีคุณภาพชีวิตที่ดีบนสังคมNet Zero” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ย้ำทิ้งท้าย

Previous post “ซีพี โฟตอน” ร่วมกับ “We Chef Thailand” ส่ง รถบรรทุกไฟฟ้า TM iBlue45 เจาะธุรกิจแฟรนไซส์ ในงาน “FRANCHISE SMEs Expo 2024”
Next post EXIM BANK ชูกลยุทธ์ “Greenovation” สร้าง Green Supply Chain เปลี่ยนประเทศไทย สู่เศรษฐกิจสีเขียว รับมือเมกะเทรนด์โลกยุคใหม่ ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนชช
Social profiles