สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) เผย 5 ข้อเสนอเร่งด่วนต่อที่ประชุมสุดยอดเอเปค
แนะแนวทางเร่งการฟื้นตัวและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังการประชุมครั้งที่ 3 จากประเทศเวียดนาม สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC Business Advisory Council - ABAC) เผยข้อสรุปจากการประชุมครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองฮาลอง ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 26 - 29 กรกฎาคม 2565 เพื่อรวบรวมส่งมอบแก่การประชุมเอเปคปลายปี โดยยกข้อเสนอเร่งด่วน 5 ประการ มุ่งเป้า “การเร่งฟื้นตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และการกระตุ้นให้เกิดการพลิกฟื้นสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ครอบคลุม และมีความยืดหยุ่นในระยะยาว” อันเกิดจากผลกระทบที่ยืดเยื้อของการระบาดใหญ่ ความขัดแย้งทางการเมือง ภาวะเงินเฟ้อ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลก การร่วมตัวของผู้แทนสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคครั้งที่ 3 เป็นการติดตามความคืบหน้าจากการประชุม 2 ครั้งที่ผ่านมา (ประเทศสิงคโปร์ และประเทศแคนาดา ตามลำดับ) โดยแบ่งคณะทำงานออกเป็น 5 กลุ่ม* ภายใต้ 5 กลยุทธ์หลัก เพื่อเตรียมนำข้อสรุปส่งมอบต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ “คณะทำงานมีความเห็นตรงกันว่า เราจะเรียกร้องให้สมาชิกเอเปค มาร่วมบูรณาการทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเพื่อเรียกร้องให้สมาชิกร่วมกระชับการบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค โดยสนับสนุนระบบการค้าตามกฎสากล และเร่งให้เกิด FTAAP (เขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก) อย่างเป็นรูปธรรม โดยเรายังต้องการให้เอเปคส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นตัวและการเติบโต ผ่านการสนับสนุนกลุ่ม MSMEs โดยเฉพาะในธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ และธุรกิจของคนท้องถิ่น และการนำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมาใช้” นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค 2022 กล่าว ทั้งนี้ สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค ได้ยกวาระเร่งด่วน 5 ประการ อันเป็นส่วนหนึ่งของ 5 กลยุทธ์หลักของคณะทำงาน เพื่อส่งมอบต่อที่ประชุม สุดยอดผู้นำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อันได้แก่ 1. Regional Economic Integration: เส้นทางสู่เขตการค้าเสรีของเอเชียแปซิฟิก (FTAAP) และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการค้าภาคบริการ สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคเห็นว่า FTAAP ควรตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระดับโลกที่ค่อยๆ พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไป จึงเห็นควรในการพัฒนาแผนงานนี้ต่อไปเพื่อให้วาระนี้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม และในขณะเดียวกัน นวัตกรรมจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในภูมิภาคโดยเฉพาะในภาคบริการผ่านการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมนวัตกรรม โดยเฉพาะเกี่ยวกับบริการดิจิทัลที่สนับสนุนอีคอมเมิร์ซ, บริการทางโลจิสติกส์, บริการด้านสุขภาพ และบริการด้านสิ่งแวดล้อม 2. Digital – การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์และดิจิทัล แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สอดคล้องและบูรณาการ นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และนับเป็นความสามารถในการปกป้องความก้าวหน้าและนวัตกรรมต่างๆ คณะทำงานจึงขอเรียกร้องให้เอเปคสร้างแพลตฟอร์มในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับภูมิภาค ที่จะประสานการดำเนินการและการลงทุนด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ร่วมกัน...