ขยายช่องทางขาย “ป๊อปคอร์น” ช่วยสร้างรายได้ ตั้งเป้าหมายปักหมุดขยายโรงหนังเพิ่มให้ครบ 1,200 โรง ภายในปี 2030 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ทำรายได้รวม 2,283 ล้านบาท กำไรสุทธิ 532 ล้านบาท เติบโตขึ้น 306% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของการเดินหน้าขยายสาขา ลูกค้ากลับเข้ามาดูหนังเพิ่มขึ้นหลังจากการคลี่คลายของโควิด-19 ธุรกิจใหม่ ป๊อปคอร์นช่วยดันรายได้ และผลจากกำไรจากการขายหุ้น MPIC ปักหมุดเดินหน้าขยายโรงหนังเพิ่มให้ครบ 1,200 โรง ในปี 2030 ร่วมมือกับพันธมิตรเสริมทัพผลิตหนังไทยป้อนตลาด หวังดันมาร์เก็ตแชร์หนังไทยให้ถึง50% เดินหน้าขยายช่องทางการจำหน่ายป๊อปคอร์นเพิ่ม เพื่อสร้างการเติบโตและขยายโอกาสการทำเงินนอกโรงหนัง Out Cinema ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ล่าสุดจะนำเข้าจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ปลายเดือนกันยายนนี้ ฐิตาภัสร์ อิสราพรพัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินและบัญชี บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2566 ว่า บริษัทฯ ทำรายได้รวม 2,283 ล้านบาท กำไรสุทธิ 532 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2565 ที่มีรายได้รวม 1,639 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท โดยผลประกอบการเติบโตขึ้น รายได้รวมปรับเพิ่มสูงขึ้น 39% กำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้น 306% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปี 2566 ที่เติบโตขึ้น มาจากรายได้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ 1,178 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจป๊อปคอร์น 654 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณา 244 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจโบว์ลิ่ง 102ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจพื้นที่เช่า 63 ล้านบาท และรายได้จาก Movie Content 42 ล้านบาท ซึ่งทุกธุรกิจเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2566 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีรายได้ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,873 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 603 ล้านบาท รายได้รวมเพิ่มขึ้น 40% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 288% เทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565 มาจากรายได้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ 1,945 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจป๊อปคอร์น 1,088 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณา 435 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจโบว์ลิ่ง 198 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจพื้นที่เช่า 125 ล้านบาท...