เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาผมได้รับการเชิญชวนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เดินทางไปยังจังหวัดสุรินทร์แหล่งช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเป็นแห่งเดียวในโลกที่สามารถจัดการแสดงโชว์ของช้างได้อย่างสุดยิ่งใหญ่ตระการตาโดยมีจำนวนช้างประกอบการแสดงได้มากที่สุดในโลก ซึ่งจังหวัดสุรินทร์ได้จัดงานแสดงของช้างเป็นงานประจำปีนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2503 เป็นต้นมาและในปี พ.ศ. 2558 นี้ ทางจังหวัดสุรินทร์ได้กำหนดจัดงานวัน “มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์” ขึ้นระหว่างวันที่ 13-24 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ณ สนามกีฬาศรีณรงค์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองอันดีงามและอนุรักษ์การแสดงช้างซึ่งเป็นสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดและเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติไทยโดยการใช้สัญลักษณ์การจัดงานเป็นช้างยกขา 2 ข้าง เล่นฮูล่าฮูป เพื่อสื่อให้เห็นถึงการแสดงของช้างสุรินทร์ ส่วนพื้นหลังเป็นปราสาทศีขรภูมิที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุรินทร์ที่มีลวดลายสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งสัญลักษณ์งาน “มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์” ปีนี้สอดคล้องกับคำขวัญจังหวัดสุรินทร์ที่ว่า “สุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม”
สำหรับมหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ได้มีนายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์และนายกิตติเมศวร์ รุ่งธนเกียรติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ให้เกียรติ์เดินทางมาร่วมในพิธีเปิดงานซึ่งงานในครั้งนี้ได้ถูกจัดขึ้น ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง และที่บริเวณสนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์
สำหรับกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของงานในปีนี้ก็คือการประกวดขบวนรถซึ่งถูกตกแต่งด้วยอาหารช้างจำนวนมากโดยขบวนรถได้เริ่มแห่ตั้งแต่เวลา 14.00 น. โดยเริ่มต้นขบวน ณ บริเวณหน้าโรงเรียนสิรินธรและมาสิ้นสุดขบวน ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวางและประกาศผลรางวัลชนะเลิศเมื่อเวลา 18.30น.สำหรับงานต้อนรับและเลี้ยงอาหารช้างถูกจัดขึ้นในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 ระหว่างเวลา 08.00 – 12.00 น. โดยมีรถขบวนแห่เริ่มต้นจากสถานีรถไฟจ.สุรินทร์ จนมาสิ้นสุดยังบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ซึ่งในปีนี้งานได้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างเลยทีเดียวครับและเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายในงานได้จัดขบวนชุดการแต่งกายประจำชาติของบรรดาเหล่าสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนทั้ง 10 ประเทศร่วมเดินขบวนแสดงภายในงานอีกด้วยและนอกจากนี้ภายในงานยังได้จัดเตรียมอาหารช้างน้ำหนักมากกว่า 60 ตัน จัดวางไว้บนโต๊ะอาหารเลี้ยงช้างความยาวกว่า 400 เมตรเพื่อเลี้ยงช้างที่มาร่วมงานและจัดช้างจำนวน 288 เชือก ยืนเข้าแถวตอนลึกยาวที่สุดในโลก จากแนวถนนหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดี ศรีณรงค์จางวางไปสิ้นสุดยังมหาวิทยาลัยราชมงคลอีสานวิทยาเขตสุรินทร์ นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติทุกคนต่างก็สนุกสนานกับการป้อนอาหารช้างทั้ง 288 เชือกอย่างใกล้ชิด และในปีนี้ได้มีการจดบันทึกทำลายสถิติโลกกินเนสเวิร์ด เรคคอร์ท บันทึกไว้ว่าเป็น“บุฟเฟ่ต์อาหารช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก”อีกด้วย ซึ่งจังหวัดสุรินทร์เคยได้รับเกียรติ์นี้เมื่อปี พ.ศ. 2546 ที่ผ่านมา
สำหรับการแสดงที่สุดยิ่งใหญ่และอลังการเป็นการแสดงที่นักท่องเที่ยวทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยชมกันมากที่สุดถูกจัดขึ้นณบริเวณสนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ก็คือการแสดงแสงสีเสียงอันยิ่งใหญ่ระหว่างช้างแสนรู้และคนเลี้ยงช้างสะท้อนวัฒนธรรมประเพณีที่มีการสืบทอดกันมายาวนาน สำหรับชื่อของการแสดงในปีนี้ก็คือ “6 ทศวรรษการชุมนุมช้างไทย”ซึ่งประกอบไปด้วยฉากการแสดงต่าง ๆ จำนวน 9 องค์ ซึ่งแต่ละฉากนั้นได้ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีโดยมีช้างร่วมเข้าฉากหลายร้อยเชือกและนักแสดงเข้าฉากนับพันคนฉากแต่ละฉากยิ่งใหญ่ตระการตาสมกับการรอคอยสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
ส่วนในยามค่ำคืนวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2558 ระหว่างเวลา 18.00 -21.00 น. ได้มีการจัดแสดง แสง สี เสียง “สืบสานตำนานพันปีปราสาทศีขรภูมิ” ณ ปราสาทศีขรภูมิ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์อยู่ห่างจากตัวเมือง 34 กิโลเมตรฉากแต่ละฉากสวยงามตระการตาซึ่งเป็นฝีมือของทีมงานจัดแสดง แสง สี เสียงในจังหวัดสุรินทร์นั่นเองซึ่งได้รับเสียงปรบมือแสดงความชื่นชมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาเข้าชมกันอย่างคับคั่ง
นอกจากนี้ภายในงาน“มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ ปี 2558” ยังมีกิจกรรมมากมายไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านการประกวดวงดนตรีพื้นบ้านและที่ขาดเสียไม่ได้สินค้าอันขึ้นชื่อเกษตรอินทรีย์ของดีเมืองสุรินทร์ข้าวหอมมะลิอินทรีย์และที่เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครก็คือผ้าไหมทอมือผืนงามที่มีลวดลายสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยซึ่งบ่งบอกว่าจ.สุรินทร์ก็เป็นแหล่งผลิตผ้าไหมทอมือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วยครับ
สำหรับท่านผู้อ่านที่พลาดโอกาศเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ก็ไม่ต้องเสียดายหรอกครับเพราะงาน”มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์”ยังจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปีซึ่งในแต่ละปีงานฯ ได้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการมากขึ้นทุกปีและไม่จำเป็นจะต้องมาท่องเที่ยวจ.สุรินทร์ เฉพาะก็แต่ในงานมหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์เท่านั้นน่ะครับเพราะในจ.สุรินทร์ยังมีอะไรดีๆที่ซุกซ่อนอยู่อีกมากมายรอวันเวลาให้ท่านผู้อ่านมาค้นพบครับ
ขอขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ และผู้เอื้อเฟื้อข้อมูล
– การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
– สุเทพ พวงมะโหด บันทึกเรื่องและภาพ
