ตะคริวคืออะไร สาเหตุของตะคริว วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นและอาหารที่ช่วยลดสาเหตุของการเกิดตะคริว ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ตะคริว (Muscle cramp) คืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อแบบเฉียบพลัน แม้ส่วนมากจะไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายอะไรนอกจากมีอาการเจ็บและตึง แต่หากเป็นนาน ๆ ก็ใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นไม่ได้ไประยะหนึ่งเลยทีเดียว หรือหากเป็นในเวลาที่ว่ายน้ำคนเดียว หรือขับรถก็อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ยาบางกลุ่มอย่างยาขับปัสสาวะ การตั้งครรภ์ การเป็นประจำเดือน เส้นเลือดตีบตัน การออกกำลังกายเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในอากาศร้อน ๆ ที่ต้องเสียเกลือแร่ไปกับเหงื่อในปริมาณมากล้วนทำให้เกิดตะคริวได้ทั้งสิ้น อย่างที่เราอาจเคยเป็นหรือเห็นกันบ่อย ๆ เวลาชมการแข่งขันว่ายน้ำ จักรยาน วิ่งมาราธอน หรือฟุตบอล
โม กิมเพล ผู้อำนวยการด้านสมรรถนะวิทยาศาสตร์ สโมสรเซาธ์แฮมป์ตัน หนึ่งในสโมสรที่มีนักเตะเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์หลักที่กำลังจะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้อย่างฟุตบอลยูโร 2020 ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในเว็บไซต์ Fourfortwo.com ว่าอัตราการเกิดตะคริวจากการออกกำลังกาย (Exercise-associated muscle cramp หรือ EAMC) อาจไม่เกี่ยวกับอายุของนักกีฬาด้วยซ้ำ เพราะจากประสบการณ์ของเขา นักฟุตบอลหนุ่ม ๆ ก็เป็นตะคริวมากไม่ต่างกับนักฟุตบอลรุ่นใหญ่กว่าเลย หนึ่งในสาเหตุหลักของตะคริวช่วงขาของนักฟุตบอลไม่ว่าจะมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพอาจเกิดจากรูปเท้าแบนที่ทำให้มีการเกร็งกล้ามเนื้อขามากกว่า นอกจากนี้ยังมีการขาดน้ำ การขาดเกลือแร่ และความผิดปกติด้านการเผาผลาญพลังงาน เช่น มีโรคเบาหวาน โรคไตหรือไทรอยด์ เป็นต้น
วิธีการปฐมพยาบาลขั้นต้นเมื่อเป็นตะคริวคือยืดกล้ามเนื้อ โดยผู้เป็นตะคริวสามารถยืด นวดเบา ๆ พร้อมครีมแก้ปวดเมื่อย และประคบร้อนเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริวเองก็ได้ หรือหากมีคนช่วยก็ดี ไม่นานมักจะหายไปเอง วิธีการป้องกันไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือก่อนลงสนามก็คือการรยืดกล้ามเนื้อ การดื่มน้ำเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ รวมถึงดื่มเกลือแร่ หรือ เคล็ดลับหนึ่งของนักปั่นกับนักวิ่งมาราธอนที่ผู้เขียนเคยได้ยินมาคือ การกินผลไม้ชนิดหนึ่งที่ทั้งหาได้ง่ายและมีแร่ธาตุ 4 ชนิดที่ผู้เป็นตะคริวมักขาดไป (โซเดียม แคลเซียม แม็กนีเซียมและโพแทสเซียม) ผลไม้ชนิดนั้นก็คือ กล้วยนั่นเอง นอกจากกล้วยแล้ว มันหวาน อโวคาโด้และพืชตระกูลถั่วก็ช่วยได้มากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ตะคริวสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย แต่หากเป็นบ่อยจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจด้วยเพราะนั่นอาจเป็นอาการหนึ่งของโรคที่เป็นอันตรายบางอย่าง เช่นไทรอยด์หรือเส้นเลือดส่วนสำคัญตีบตันค่ะ