โรคไตเรื้อรังนั้นเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั้งของประเทศไทยและทั่วโลก ประมาณการกันว่า 1 ใน 10 ของประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลกนั้นมีภาวะไตเรื้อรัง แม้ปัจจุบันจะมีการรักษาไตเรื้อรังระยะสุดท้ายด้วยการบำบัดทดแทนไตวิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนไต การฟอกไตทางช่องท้องและการฟอกเลือดก็ตาม แต่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้และยังไม่มียาตัวใด ๆ ที่สามารถฟื้นการทำงานของไตเรื้อรังให้กลับมาสู่ภาวะปกติ ดังนั้นการรักษาโรคไตเรื้อรังที่ดีที่สุดในปัจจุบันจึงเป็นการป้องกันและการชะลอไตเสื่อมไม่ให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้ายนั่นเอง ถึงแม้โรคไตเรื้อรังจะเป็นโรคที่พบได้บ่อยและมีความสำคัญ แต่ผู้ป่วยจำนวนมากนั้นไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะไตเรื้อรังซ่อนอยู่ เนื่องจากอาการเริ่มต้นของโรคไตเรื้อรังมักจะไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น มีปัสสาวะตอนกลางคืนหรือมีปัสสาวะเป็นฟอง การคัดกรองโรคไตเรื้อรังในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงจึงมีความสำคัญเพื่อทำให้สามารถวินิจฉัยและรักษาโรคไตเรื้อรังได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงของโรคดังต่อไปนี้ เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, เก๊าท์หรือโรคแพ้ภูมิตนเอง, ผู้ป่วยที่มีเรื่องนิ่วหรือติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหลายครั้ง, มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไตเรื้อรังและผู้ป่วยที่รับประทานยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เป็นประจำ เป็นต้น ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรได้รับการตรวจคัดกรองด้วยการตรวจเลือดดูการทำงานของไตและตรวจดูความผิดปกติของปัสสาวะอย่างน้อยปีละครั้ง เมื่อตรวจพบโรคไตเรื้อรังแล้ว การรักษาจะมุ่งเน้นเพื่อชะลอการเสื่อมของไตไม่ให้ผู้ป่วยเข้าสู่ไตวายระยะสุดท้ายและเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคไต การรักษาจะมีทั้งการรักษาสาเหตุและการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้ไตเสื่อมได้ไวขึ้น ส่วนใหญ่แล้วยาของแพทย์เพียงอย่างเดียวนั้นอาจจะไม่สามารถทำให้ถึงเป้าหมายของการรักษาได้ ผู้ป่วยที่มีความรู้ในการดูแลตนเองและสามารถปฏิบัติตนให้ถูกต้องจะทำให้ผลของการรักษาดีขึ้น โดยสามารถทำได้ดังนี้ 1. รับประทานยาครบตามกำหนด...