5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการผ่าตัดปอด

หลายคนรู้หรือไม่ว่าปอดของคนเรานั้นมีอยู่ 2 ข้าง แต่จะมีจำนวนกลีบปอดไม่เท่ากัน และอย่างที่เราทราบกันว่า ปอดนั้นมีหน้าที่หลัก คือไว้แลกเปลี่ยนของเสียโดยการขับคาร์บอนไดออกไซด์และนำเอาออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อไปเลี้ยงทั้งร่างกาย โดยคนทั่วไปจะมีปอดทั้ง 2 ข้าง คือข้างซ้ายและข้างขวา โดยมีหัวใจขั้นอยู่ระหว่างทั้ง 2 ข้าง ซึ่งรู้หรือไม่ว่าปอดทั้ง 2 ข้างมีจำนวนไม่เท่ากัน ปอดข้างขวานั้นประกอบด้วย 3 กลีบ ส่วนข้างซ้ายมีแค่ 2 กลีบเท่านั้น โดยแต่ละกลีบนั้นจะประกอบด้วยถุงลมขนาดเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็นมากกว่าหลายร้อยล้านถุง ที่คอยช่วยในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและขับของเสียจากกระแสเลือดไปสู่การหายใจออก ดังนั้นจึงขอฝากให้คนทั่วไปได้รู้จักกับ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการผ่าตัดปอด ดังนี้ 1.ทำไมผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายบางรายถึงไม่มีอาการ ทั้งนี้เนื่องจากร่างกายของเรามีถุงลมขนาดเล็กจำนวนมากที่ค่อยช่วยเหลือในการขับของเสีย ฉะนั้นเมื่อเกิดจุดหรือเซลล์มะเร็งปอดเกิดขึ้น ในช่วงเริ่มต้นอาจมีขนาดเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปอด ซึ่งมีถุงลมจำนวนมากที่ยังคงทำหน้าที่ทดแทน ทำให้ผู้ป่วยไม่มีอาการใด ๆ ยกเว้นแต่ตัวเชื้อมะเร็งจะอยู่ชิดหลอดลมหรือเส้นเลือด กลุ่มนี้อาจแสดงอาการไอ หรือ มีอาการไอเป็นเลือดเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อก้อนเนื้อมะเร็งเริ่มเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงระดับที่ถุงลมภายในปอดทำงานช่วยไม่ไหว หรือมีน้ำท่วมปอด ที่ไปลดพื้นที่การทำงานของปอด เมื่อนั้นผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหนื่อยหรือหายใจไม่อิ่ม  2.ถ้าหากเราผ่าตัดปอดไป เราจะยังหายใจได้หรือไม่ ซึ่งอย่างที่เราทราบกันว่า ธรรมชาตินั้นได้สร้างปอดขึ้นมาเผื่ออยู่แล้ว โดยคนปกติที่แข็งแรงนั้น สามารถใช้ปอดหลังจากการผ่าตัดปอดได้ 1 ข้างอย่างสบาย ๆ เลยทีเดียว  แต่อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัดปอดนั้น ควรได้รับการประเมินสมรรถภาพปอดก่อนการผ่าตัด (Pulmonary function...

หมดกังวลกับโรคอกบุ๋ม

โรคอกบุ๋ม หรือเรียกว่า Pectus Excavatum (Funnel chest) เป็นความผิดรูปของผนังทรวงอกที่พบบ่อย ในคนทั่วไป ส่งผลทำให้บุคลิกภาพหรือความมั่นใจเสียไป โดยความผิดปกตินี้อาจพบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่น โดยโรคนี้เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของกระดูกอ่อนที่เชื่อมกับกระดูกหน้าอกและกระดูกซี่โครง ส่งผลทำให้หน้าอกเกิดการยุบตัว โดยผู้ป่วยมักไม่มีอาการ แต่ในกรณีที่ภาวะนี้มีความผิดปกติอย่างรุนแรง อาจส่งผลทำให้มีอาการกดเบียดหัวใจและปอดได้ ในบางรายอาจมีการกดเบียดลิ้นหัวใจทำให้ลิ้นหัวใจรั่วและมีอาการเหนื่อยง่าย บางรายอาจมีภาวะร่วมอย่างอื่นได้เช่นกระดูกสันหลังคด หรือภาวะจากยีนผิดปกติ เช่น Marfan syndrome ได้ ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย จากคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวว่าโรคนี้ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด พบอัตราส่วนการเจ็บป่วย 1 ต่อ 1,000 คนและมักเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง 3-4 เท่าและอาจเจอกระดูกสันหลังคดร่วมด้วยวิธีการวินิจฉัยมักทำได้โดยการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT chest) เพื่อดูสัดส่วนความกว้างยางของบริเวณทรวงอก หรือ ที่เรียกว่า Haller index  ถ้ามีอัตราส่วนมากกว่า 2.5 ถือว่ามีความผิดปกติ ปัจจุบันวิธีการรักษาโรคนี้ รักษาได้ทั้งผ่าตัด...

แพทย์และนักวิชาการห่วงกระแสเครื่องดื่มแนวใหม่ อินเทรนด์แต่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

เช็คด่วน! น้ำตาล โซเดียมสูงเกิน แพทย์และนักวิชาการห่วงกระแสเครื่องดื่มแนวใหม่ อิ๊วโซดา โคล่าเติมเกลือ กาแฟเติมเกลือ ถึงแม้จะอินเทรนด์แต่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เผยเครื่องดื่มเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เป็นกระแสในโซเชียล ไม่ควรบริโภคเค็มเกินความพอดี  รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็มกล่าวว่า เครื่องดื่มเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เป็นกระแสในโซเชียลมีเดียในขณะนี้ อย่างเช่น อิ๊วโซดา โคล่าเติมเกลือ กาแฟเติมเกลือ ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้มีโซเดียมสูงตั้งแต่ 200-600 มิลลิกรัมต่อแก้วทีเดียว คิดเป็น 10-30% ของความต้องการโซเดียมต่อวันของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันคนไทยก็กินเกลือโซเดียมสูงเกินความต้องการของร่างกายเกือบ 200% จากการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว และนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจ และอัมพาต มากกว่า 20 ล้านคนในไทย นอกจากนี้เครื่องดื่มเหล่านี้มักมีน้ำตาลสูง ยังนำไปสู่โรคอ้วน เบาหวาน ดังนั้นการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นประจำ ย่อมมีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะเด็ก และวัยรุ่น...

หมดกังวลเมื่อต้องผ่าตัดปอด

ในภาวะปัจจุบันการบริหารจัดการเรื่องฝุ่นPM 2.5 เป็นปัญหามลภาวะเป็นพิษในระดับประเทศ ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นปัญหาทางสังคมไม่ด้อยไปกว่าการสูบบุหรี่หรือสูบบุหรี่ไฟฟ้าเลย ส่งผลทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ โดยเฉพาะมีผู้ป่วยป่วยเป็นภาวะโรคทางปอดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นโรคปอดติดเชื้อ ไอเรื้อรัง หอบหืดหรือมะเร็งปอด พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยโรคปอดต้องได้รับการผ่าตัดเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย  สำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดปอด มักเกิดความวิตกกังวลว่าจะหายใจได้มั้ย ปอดจะสร้างใหม่ได้หรือไม่และแผลที่ผ่าตัดจะเจ็บมากมั้ย ซึ่งในปัจจุบันวิธีการผ่าตัดปอดสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัดผ่านกล้อง ทำให้แผลมีขนาดเล็กมากและสามารถลดผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นไม่ต้องกังวลกับการผ่าตัดอีกต่อไป โดยก้อนในปอดหรือจุดที่ปอดเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยจากการตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย เนื่องจากปอดมีเนื้อที่ขนาดใหญ่ ดังนั้นเวลาเกิดจุดเล็ก ๆ หรือใหญ่ขึ้นมา ผู้ป่วยมักจะไม่มีการแสดงอาการ โดยจุดที่ปอดนั้นอาจเป็นได้ทั้งเนื้องอกชนิดที่ไม่เป็นมะเร็งและเป็นมะเร็งปอด หรือโรค วัณโรค ซึ่งหลักการพิจารณาผ่าตัดปอดเป็นหนึ่งในการรักษาและสามารถวินิจฉัยโรคได้ โดยการผ่าตัดปอด ผู้ป่วยจะได้รับการผ่าตัดก้อนออกโดยการดมยาสลบ โดยวิธีการผ่าตัดปอดนั้นจะตัดออกแค่ก้อนหรือทั้งกลีบ ขึ้นกับชนิดของก้อนเนื้อและตัวโรคตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา ความเสี่ยงของการผ่าตัดปอดเมื่อผู้ป่วยจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดปอดคำถามที่ถูกถามเสมอคือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการผ่าตัดโดยความเชื่อที่ว่าหลังจากผ่าแล้วจะจะหายใจได้หรือไม่ สาเหตุเนื่องจากปอดเป็นอวัยวะสำคัญหลักที่ทำหน้าที่หายใจ โดยปอดประกอบด้วยถุงลมปริมาณหลายล้านถุงลม การที่เราตัดปอดบางส่วนมักไม่มีผลกระทบต่อการหายใจ แต่อย่างไรก็ตามก่อนผ่าตัดทุกครั้งควรต้องมีการประเมินสมรรถภาพปอด (Pulmonary function test) เพื่อทดสอบว่าเราสามารถทนการตัดปอดได้มากน้อยขนาดไหน สำหรับภาวะแทรกซ้อนอื่น เช่น ภาวะเลือดออกจากแผลผ่าตัด...

สัญญาณเตือนภัย โรคระบบทางเดินปัสสาวะอาการแบบไหนเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ควรพบแพทย์ด่วน

โรคในระบบทางเดินปัสสาวะ สามารถแสดงอาการออกมาได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะแสบขัด กระปริบกระปรอย ปวดท้องน้อย ซึ่งหลายคนคงไม่รีรอที่จะไปพบแพทย์เพื่อหาแนวทางในการรักษา แต่ที่น่าห่วงคือ บางคนมีอาการปัสสาวะปนเลือดเพียงครั้งเดียวแล้วหายไป โดยไม่รู้สึกเจ็บปวด แสบ หรือไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ทำให้ชะล่าใจคิดว่าไม่เป็นอันตราย แต่รู้หรือไม่ว่า นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเจ็บป่วยของโรคร้ายแรงอย่าง "มะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ" กว่าจะมาตรวจพบว่าเป็นโรคร้าย ปัญหาก็ลุกลามไปมากแล้ว นายแพทย์วรพงษ์ เลิศวีระศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ศูนย์ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง อธิบายถึงกลุ่มอาการของโรคในระบบทางเดินปัสสาวะที่พบได้บ่อยให้ทราบว่ามี 4 กลุ่มคือการอักเสบ เกิดจากมีเชื้อโรคเข้าไปในระบบทางเดินปัสสาวะ มักทำให้เกิดอาการปวดหน่วงที่ท้องน้อย ปัสสาวะไม่สุด...

การรักษาโรคอ้วนด้วยวิธีการผ่าตัด

โรคอ้วน คืออะไร ? โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากผิดปกติ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันพอกตับ โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคเส้นเลือดหัวใจหรือสมองตีบตัน โรคกรดไหลย้อน กระดูกสันหลังหรือกระดูกเข่าเสื่อม เป็นต้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย และปัจจุบันจากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติ พบว่า มีคนไทยมีโรคอ้วน มากกว่า 20.8 ล้านคน ซึ่งส่งผลเสียต่อระบบสุขภาพของประเทศเป็นอย่างมาก จากข้อมูลโรคร่วมที่เกิดขึ้นจากภาวะโรคอ้วน ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันและรักษาโรคอ้วนได้อย่างชัดเจน แต่การรักษาด้วยการใช้ยา  การออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารที่มีพลังงานต่ำ สามารถลดน้ำหนักได้ แต่ไม่สามารถรักษาหรือคงน้ำหนักให้ผู้ป่วยได้ตลอด ผู้ป่วยมักจะมีน้ำหนักตัวกลับมาเพิ่มขึ้นได้ จึงได้มีการรักษาด้วยการผ่าตัดขึ้น ซึ่งสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าละมีผลสามารถคงน้ำหนักได้เป็นระยะเวลานานมากกว่า 7-10 ปีขึ้นไป ในผู้ป่วยมีดัชนีมวลกายไม่มาก สามารถพิจารณาลดน้ำหนักโดยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายได้ แต่หากผู้ป่วยมีดัชนีมวลกายที่สูงมากมักมีข้อจำกัดในการออกกำลังกายเนื่องจากมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับโรคอ้วนร่วมด้วย นอกจากนี้ลำพังเพียงการออกกำลังกายและควบคุมอาหารมักไม่สามารถลดน้ำหนักได้มากเพียงพอที่จะทำให้หายจากโรคประจำตัวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน เช่น โรคเบาหวาน...

จักษุแพทย์แว่นท็อปเจริญ แนะช่วงฤดูร้อนระวังโรคลมแดดแล้ว ยังเสี่ยงกลุ่มโรคทางตาด้วย

เข้าสู่เดือนเมษายน อุณหภูมิอากาศในประเทศไทยยังคงร้อนถึงร้อนจัดในหลายพื้นที่ นอกจาก “โรคลมแดด หรือ Heat Stroke” ที่ทุกคนจะต้องพึงระวังแล้ว นายแพทย์นพวุฒิ ตรีพรชัยศักดิ์ จักษุแพทย์แห่ง “แว่นท็อปเจริญ” ได้เผยถึงปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มโรคทางตาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงฤดูร้อน (Summer Eye Problems - SEP) ดังนี้ อาการตาแห้ง เป็นภาวะที่ปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวตา อากาศที่ร้อนจัดและแสงแดดจ้าอาจทำให้เกิดการระเหยน้ำตามากขึ้น ส่งผลให้คุณภาพของฟิล์มน้ำตาลดลง นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้สายตากับมือถือและอุปกรณ์ดิจิทัลมากเกินไป ก็ส่งผลให้เกิดอาการตาแห้งได้เช่นกัน ภูมิแพ้ขึ้นตา สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ สารภูมิแพ้ ฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ สามารถส่งผลให้เกิดอาการคันบริเวณดวงตาและตาแดงได้ ภาวะกระจกตาอักเสบ รังสี UV จากแสงแดดในช่วงกลางวัน อาจส่งผลทำให้กระจกตาดำอักเสบ (Photokeratitis) โดยจะมีอาการปวดหรือไม่สบายตา ซึ่งหากเกิดขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว อาจพบต้อกระจกหรือจอตาเสื่อมได้ อาการตาแดง ในฤดูร้อนมักพบโรคตาแดงที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือปริมาณเชื้อราที่เกิดขึ้นจากเหงื่อไคลที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าหรือผ้าเช็ดหน้า...

เตือนภัยสุขภาพของอิ๊วโซดาที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย

จากผลทางสุขภาพของอิ๊วโซดาที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย จากการเชิญชวนให้ผู้บริโภคดื่มซีอิ๊วดำสูตร 1 ผสมกับโซดาหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ โดยผสมซีอิ๊ว 3 ช้อนโต๊ะ กับโซดา 1 แก้วหรือเครื่องดื่ม 1 แก้ว นั้นทางเครือข่ายลดบริโภคเค็มได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรโดย ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย-สมาคมเครือข่ายโรคไม่ติดต่อไทย และเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย , ดร.นพ.ไพโรจน์  เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะสสส., ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม อดีตทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านทันตสาธารณสุข) กรมอนามัย และเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ,อ.จงกลนี วิทยารุ่งเรืองศรีผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. ผู้จัดการโครงการศูนย์เรียนรู้ต้นแบบโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส สถาบันสร้างเสริมวิถีบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ร่วมกันแสดงให้ความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 1)ซีอิ้วดำ 3 ช้อนโต๊ะ ให้โซเดียมเท่าไร  ซีอิ๊วดำ 3ช้อนโต๊ะมีโซเดียม ประมาณ 650มิลลิกรัมเท่ากับปริมาณโซเดียมที่ควรได้รับตามคำแนะนำต่อ  อาหาร 1 มื้อ (ดังตาราง) และน้ำตาล 24 กรัมเท่ากับปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน และถ้าผสมกับเครื่องดื่มรสหวานหรือโซดาจะได้โซเดียมเพิ่มไปอีกเป็น 708-763 มิลลิกรัม และจะทำให้ได้รับน้ำตาลสูงขึ้นไปอีก 2)ถ้าดื่มเป็นประจำจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร ถ้าดื่มเครื่องดื่มนี้ที่มีทั้งรสชาติหวานและเค็มมากเป็นประจำ จะทำให้เสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งนำไปสู่โรคไต โรคหัวใจและอัมพาตได้ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีโรคประจำตัว เช่นเบาหวานความดันโลหิตสูง...

ฝุ่น PM 2.5 ก่อให้เกิดมะเร็งปอด

ในปัจจุบันปัญหา PM2.5 ส่งผลไม่ใช่แค่เฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ แต่ยังแพร่ไปยังหลาย ๆ จังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร โดยมลภาวะทางอากาศนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่าปัญหามลภาวะทางอากาศเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเสียชีวิตประชากรที่เสียชีวิตในโลก ปัญหามลพิษทางอากาศที่พบบ่อยเป็นลักษณะแบบ Particulate matter (PM) ซึ่งเป็นฝุ่นละอองที่มีทั้งของเหลวและของแข็ง ซึ่งเป็นโลหะพิษ (toxic compound) และสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (hydrocarbon) โดยขนาดฝุ่นละอองที่มีขนาด 2.5 – 5 μm หรือ PM 2.5 นั้นจะสามารถลงไปจะสามารถลงไปจนถึงหลอดลมฝอย (respiratory bronchiole) และถุงลม (alveoli) ได้ โดยซึ่งมักเกิดสาเหตุการเผาไหม้ในที่โล่งในทางเกษตรกรรม การเผาไหม้น้ำมันดิบ ไอเสียรถยนต์ดีเซล การเผาไหม้ในเตาเผาครัวเรือนฝุ่นเหล่านี้ จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการคัดจมูก แสบตา เจ็บคอ จาม จนไปถึงหลอดลมมีอาการอักเสบได้ ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทางด้านโรคปอด...

ผู้หญิงอายุมากกว่า 35 กับความเสี่ยงในการตั้งครรภ์และภาวะการมีบุตรยาก ควรเตรียมวิธีรับมืออย่างไร

การตั้งครรภ์มีอายุที่เหมาะสม ซึ่งถ้าหากอายุมากเกินไป จะทำให้การตั้งครรภ์ไม่เป็นผล หรือเกิดผลลัพธ์ได้ยากกว่าคนที่มีอายุน้อย นอกจากการตั้งครรภ์ที่สำเร็จจะเป็นเรื่องยากแล้ว หากสามารถตั้งครรภ์ได้ในตอนอายุมากๆ ก็จะมีความเสี่ยงบางอย่างต่อเด็กที่จะเกิดมา ที่อาจไม่สมบูรณ์ทางร่างกายได้ จากเซลล์ไข่ของผู้เป็นแม่ที่ไม่แข็งแรง โดยผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป มักเผชิญกับความเสี่ยงเหล่านั้น อายุที่เหมาะสมกับการตั้งครรภ์ คือเท่าไร? โดยทั่วไปแล้วร่างกายของมนุษย์จะสามารถตั้งครรภ์ได้เมื่อมีประจำเดือน ซึ่งในแต่ละคนจะมีประจำเดือนช่วงอายุที่แตกต่างกัน แต่ก็จะไม่แตกต่างกันมากนัก โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนเมื่ออายุประมาณ 11-13 ปี เมื่อมีประจำเดือนแล้ว ร่างกายจะมีการตกไข่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้สามารถตั้งครรภ์ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตั้งครรภ์ อายุที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์มักจะอยู่ที่ 20-35 ปี โดยในช่วงอายุ 20...
Social profiles